วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

“ชาญชัย ลิขิตจิตถะ” องคมนตรี ถึงแก่อสัญกรรม

“ชาญชัย ลิขิตจิตถะ” องคมนตรี ถึงแก่อสัญกรรม 

“ชาญชัย ลิขิตจิตถะ” องคมนตรี ถึงแก่อสัญกรรม 

Spring News

สนับสนุนเนื้อหา

วันที่ 18 ม.ค.60 เมื่อเวลา 08.30 น. นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี หาได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ในขณะที่อายุ 70 ปี ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยมีพิธีรดน้ำศพในวันพรุ่งนี้ (19ม.ค.60) เวลา 17.00 น. ณ ศาลาบัณรศภาค วัดเบญจมบพิตร 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://news.sanook.com/2154638/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าว

ศาลนครพนม นัดไต่สวนรื้อฟื้นคดี “ครูแพะ” พิสูจน์ความจริง

ศาลนครพนม นัดไต่สวนรื้อฟื้นคดี “ครูแพะ” พิสูจน์ความจริง

ศาลนครพนม นัดไต่สวนรื้อฟื้นคดี “ครูแพะ” พิสูจน์ความจริง

PPTV

สนับสนุนเนื้อหา

ความคืบหน้าคดีที่ครูจอมทรัพย์ เหรอ ครูแพะรับบาป ขับรถชนคนตายด้วยกันโดนโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ในวันนี้ได้เตรียมเดินทางมาขึ้นศาลจังหวัดนครพนม ซึ่งนัดไต่สวนครั้งแรกเพื่อให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่และพิสูจน์ความจริง โดยครูจอมทรัพย์เชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://news.sanook.com/2153370/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าวด่วน

16 มกราคม วันครูแห่งชาติ ประวัติ และความหมาย

วันครูตรงกับวันที่ 16 มกราคม ของทุกๆปี

        จุดประสงค์ในการมีวันครูนี้ เพื่อให้นักเรียนได้ระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ แม่พิมพ์ พ่อพิมพ์ของชาติที่ได้อบรมสั่งสอนเรามาตั้งแต่เล็ก ทำให้เราเป็นคนดีรู้วิชา เพราะฉะนั้นครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างมากในวงการ การศึกษา ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ รวมทั้งเป็นอาชีพที่ถือว่ามีความเสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างมาก

        เหตุผลที่วันที่ 16 มกราคมของทุกปีถูกกำหนดให้เป็นวันครูอันเนื่องมาจาก ในปี 2488 ประเทศไทยมีการประกาศพระราชบัญญัติครูขึ้นมาในราชกิจจานุเบกษา จึงมีการกำหนดให้มีวันครูครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมา

        วันนี้ Sanook! Campus จึงอยากพาทุกๆท่าน ไปทำความรู้จักกับ ประวัติ ความหมาย ความเป็นมา รวมไปถึงกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันครูแห่งชาตินี้ นอกจากนั้นยังมีบทกลอนวันไ้วครูเพราะๆ โดยพระวรเวทย์พิสิฐ(วรเวทย์ ศิวะศรียานนท์)

ความหมายของครู

        ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอนแนะนำ ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ เป็นผู้ที่มีหน้าที่สอน อบรมเกี่ยวกับวิชาความรู้ การอ่านเขียน รวมไปถึงการให้ความรู้และแนะนำในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน (คำว่าครูนั้นมาจากศัพท์ภาษาสันสกฤต คำว่า "คุรุ" และภาษาบาลี คำว้า "ครุ" , "คุรุ")

วันครูแห่งชาติวันครูแห่งชาติ

ประวัติความเป็นมาของวันครูแห่งชาติ

        

วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า"คุรุสภา" ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคลและให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความ เห็นในเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ จัดสวสัดิการให้แก่ครูและครอบครัว ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู

ด้วยเหตุนี้ในทุกๆปี คุรุสภาจึงจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งซักถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆเกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภา โดยมี คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุม"สามัคคยาจารย์"หอประชุมของจุฬาลงกร ณมหาวิทยาลัย ในระยะหลังจึงมาใช้หอประชุมของคุรุสภา

ปี พ.ศ. 2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวปราศัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า "ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่า"วันครู"ควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้ แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"

จากแนวความคิดนี้ กอรปกับความคิดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆที่ล้วนเรียกร้อง ให้มี "วันครู" เพื่อให้เป็นการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสีย สละ ประกอบคุณงามความดีเพื่แประโยชน์สรรพสิ่งชาติ และประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติ เห็นควรให้มี "วันครู" เพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอในหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครู พร้อมทั้งเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอีนดีระหว่างครูกับประชาชน

ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปีเป็น "วันครู" โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจา นุเบกษาเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 หมายความว่าวันครู และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดัง กล่าวได้

งานจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการอำนวยมีอนุสรณ์งานวันครูไว้มอบแก่อนุชนรุ่น หลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือหนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ

การจัดงานวันครู

งานวันไหว้ครูในปัจจุบัน จัดหามาถูกปรับปรุงผ่านแปลงกิจกรรม เพื่อให้สอดคล้องด้วยกันการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยตลอดเวลา ซึ่งในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ดังนี้

1. กิจกรรมทางศาสนา
2. พิธีรำลึกถึงครูบาิจารย์ โดยมีพิธีปฏิญานตน รวมไปถึงการกล่าวระลึกถึงพระคุณของครู
3. กิจกรรมจัดเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ปกครองกับคุณครู อาจจะเป็นการแข่งขันกีฬาเพื่อความสามัคคี หรืองานเฉลิมฉลองต่างๆ
บทกล่าววันไหว้ครู และขั้นตอนในการจัดกิจกรรม

ปาเจราจริยา โหนติ คุณุตตรานุสาสกา (วสันตดิลกฉันท์)

ประพันธ์โดย พระวรเวทย์พิสิฐ (วรเวทย์ ศิวะศรียานนท์)

บทไว้ครู ปาเจราจริยา โหนติบทไว้ครู ปาเจราจริยา โหนติ

ปัญญาวุฒิกเรเตเต ทินโนวาเท นมามิหัง

ละนั้นประธานจัดงานวันครู จักเชิญผู้ร่วมประชุมยืนสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อที่จะระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ครูอาวุโสประจำการนำผู้เข้าร่วมประชุมกล่าวคำปฏิญาณดังนี้

ข้อ 1.ข้าฯจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
ข้อ 2.ข้าฯจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
ข้อ 3.ข้าฯจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม
จบแล้วพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี นำไปให้ของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอกและข้างในประจำการสุดท้ายกล่าวคำปราศัยและให้ โอวาทแก่ครูพื้นที่มาประชุม

จรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีข้าวของเครื่องใช้ครู

เลื่อมใสข้างในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ มิลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น
ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่ อุทิศเวลาของตนให้แก่ศิษย์ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่การงานไม่ได้
รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าหมายความว่าผู้ประพฤติชั่ว ห้ามประพฤติการใดๆอันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงของครู
ถือปฏิบัติตามกฎระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา กับปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่การงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา
ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง ไม่นำหรือว่ายอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริตหรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ
ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการโดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างมีชีวิตผลงานของตน และไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำผลงานของผู้อื่นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน
ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความเที่ยงธรรม ไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นประการใดอย่างที่ดีแก่ศิษย์ รักษาความลับของศิษย์ ของผู้ร่วมงานและสถานศึกษา
รักษาความสามัคคีระหว่างครูด้วยกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันที่หน้าที่การงาน

ติดตามลายละเอียดได้ที่ http://campus.sanook.com/1183409/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าวด่วน

10 ของขวัญปีใหม่ ที่ผู้หญิงอยากได้ที่สุด (หนุ่มๆ รู้ไว้ แล้วรีบจัดให้ซะ!)

10 ของขวัญปีใหม่ ที่ผู้หญิงอยากได้ที่สุด (หนุ่มๆ รู้ไว้ แล้วรีบจัดให้ซะ!)

10 ของขวัญปีใหม่ ที่ผู้หญิงอยากได้ที่สุด (หนุ่มๆ รู้ไว้ แล้วรีบจัดให้ซะ!)

ใกล้ถึงเทศกาลแห่งความสุข วันปีใหม่แล้ว หลายๆ คนคงกำลังเตรียมสืบซื้อของขวัญเพื่อมอบให้คนสำคัญ มิว่าจะเป็นครอบครัว หรือคนรัก เพื่อให้สัตว์สองเท้ารับประทับใจอยู่กันใช่ไหมคะ

นับถือเลยว่าหลายคนยังนึกมิออกว่าจะซื้ออะไรให้ถูกใจคนรับดี วันนี้ Sanook! Women มีไอเดียการเลือกของขวัญปีใหม่ ที่ผู้หญิงอยากได้ มากระซิบบอกหนุ่มๆ ค่ะ ผู้หญิงอยากได้อะไรสกัดกั้นบ้างมาซูมเลย

1 "เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หรือ แอคเซสเซอรี่ต่างๆ" ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกา แหวน สร้อยคอ จัดมาเถอะค่ะ พวกนางชอบหมดแน่นอน ด้วยความที่ผู้หญิงชอบแต่งตัวเปลี่ยนแปลงตามแฟชั่นไปเรื่อย สิ่งเหล่านี้คือ ของขวัญที่ดีงามค่ะ แต่ก่อนซื้อหนุ่มๆ ควรดูสไตล์ของสาวๆ ก่อนนะ ไม่ใช่นางชอบแนวหวาน ไปซื้อแนวร็อคให้ ไอ้ที่จะถูกใจ กลับจะกลายเป็นไม่ปลื้มแทนได้นร๊า

 

2 "เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว น้ำหอม" นอกจากการแต่งตัวที่ผู้หญิงชอบแล้ว เรื่องความสวยความงามของร่างกายก็ต้องมาเป็นอันดับต้นๆ ค่ะ ข้อนี้จัดไป รับรองสาวๆ ชอบไม่แพ้กันเลย

3 "Smartphone" ข้อนี้จัดไปสำหรับพ่อบุญทุ่ม ขึ้นปีใหม่แล้ว หากได้โทรศัพท์เครื่องใหม่ รุ่นใหม่กิ๊กๆ นอกจากจะเอาไว้ถ่ายรูปเก๋ๆ รับรองเธอจะหยิบมาแชท มาคุยกับคุณตลอดทั้งวันเลยจ้า

4 "ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อุปกรณ์ออกกำลังกาย" เทรนด์สุขภาพมาแรง หากซื้อสิ่งเหล่านี้ให้ นอกจากผู้หญิงของคุณจะปลื้มปริ่มแล้ว เธอยังจะมีรูปร่างที่เป๊ะเวอร์ ให้คุณมองไม่เบื่อด้วยนะคะ

5 "ของ DIY" เป็นของไม่มีราคา แต่มีคุณค่าทางจิตใจที่สุด อะไรมันจะดีไปกว่า ของที่คุณประดิษฐ์ทำขึ้นมาเองละคะ ตั้งใจทำขนาดนี้ มีชิ้นเดียวในโลกด้วย รับรองสาวๆ ยิ้มไม่หุบแน่นอน

6 "กล้องถ่ายภาพ" คือสิ่งที่ถูกใจผู้หญิงแน่ๆ เพราะเวลานี้ ไม่ว่าจะกิน นอน เที่ยว ขอให้ได้ถ่ายภาพลงโซเชียล อวดเพื่อนๆ ก็ฟินแล้วล่ะ ยิ่งกล้องสมัยนี้ถ่ายสวยเกินจริง ถ่ายปุ๊บลงโซเชียลได้ปั๊บด้วย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิงยุคนี้แน่ค่ะ

7 "งานไอเดียแปลกๆ" บางทีการให้ของขวัญที่ซ้ำซากจำเจ คุณผู้หญิงก็อาจจะเบื่อได้ ลองหาของขวัญที่เป็นงานไอเดียแปลกๆ ให้เธอสิคะ นอกจากจะถูกใจแล้ว ยังได้รอยยิ้มกลับมาด้วยนะ

8 "เงิน" หากคิดไม่ออกว่าจะให้ของขวัญอะไร หยิบเงินใส่ซอง(สวยๆ )ให้ไปเลยจ้า ให้เธอไปเลือกซื้อเอง ไม่ถูกใจให้มันรู้ไปสิ

9 "ขอให้แฟนรักสม่ำเสมอ หรือขอให้ใครมารักสักคน" ไม่มีสิ่งของใดจะมีค่าเท่ากับ "ความรัก" แล้วค่ะ เพียงคุณให้ความรักกับคุณผู้หญิงมากๆ แสดงความรักไม่เปลี่ยนแปลงแค่นี้ก็คือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้วค่ะ

10 "ความสุข" เชื่อว่าผู้หญิงทุกคน อยากได้รับความสุข แค่คุณพาไปท่องเที่ยวในที่ๆ เธอชอบ พาไปหาร้านอาหารน่ารักๆ หม่ำกัน หรือ ทำบุญไหว้พระขอพรรับปีใหม่ เพียงเท่านี้ก็สุขใจแล้วค่ะ

หนุ่มๆ รู้แล้ว รีบจัดให้สาวๆ ด่วนๆ เลยค่ะ รับรองแฮปปี้กันทั้งสองฝ่ายเลยแหละ ^^ ปีใหม่นี้ Sanook! Women ขอให้มีแต่ความสุขกันถ้วนหน้าเลยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก http://women.sanook.com/44465/

 

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เคล็ดลับความงาม

5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ

5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ

5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ

ปัญหาสิว เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติของสาวๆ ทุกคน เพราะกว่าสิวจะหายไปแต่ละเม็ดย่อมใช้เวลาหลายนานวัน หนำซ้ำยังมีรอยสิวดำๆ ให้ใบหน้ามีตำหนิไม่สวยสดใสอีก ไม่เพียงเท่านั้น สาวๆ บางคนยังต้องเครียดเป็นสองเท่า เมื่อสิวเจ้าเก่ายังหวนกลับมาเป็นซ้ำๆ ที่เดิมไม่ยอมหายไป แต่วิธีกินอาหารลดสิวเหล่านี้มีส่วนช่วยยับยั้งและลดโอกาสในการเกิดสิวขึ้นได้ ต้องกินอาหารอะไรบ้างนั้น มาดูกันค่ะสาวๆ

5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ
5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ

1.ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ

การดื่มน้ำสะอาดให้มากเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและทำให้เกิดการดีท็อกซ์ขับล้างของเสียออกจากร่างกายได้ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งกระจ่างใส ใครที่สิวขึ้นบ่อยๆ ต้องหันมาดื่มน้ำบำบัดสิวแล้วล่ะ รับรองของเสียจะถูกขับออกจากทางปัสสาวะและการขับถ่าย หมดทั้งปัญหาท้องผูกในตัว งานนี้ดีต่อสุขภาพและผิวหน้าสดใสอย่างเต็มๆ เลยทีเดียว

5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ
5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ

2.กินผักใบเขียวทุกมื้อ

การกินผักใบเขียวนับว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย นอกจากจะทำให้สุขภาพดีแล้ว งานวิจัยยังบอกเอาไว้อีกด้วยนะคะว่าการกินผักใบเขียวจะช่วยปรับค่า pH ภายในร่างกายให้สมดุล และผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ยังเชื่อกันอีกด้วยว่า ผักใบเขียวจะช่วยลดการเกิดสิวลงได้อีกด้วย นอกจากนี้ มันยังเปี่ยมไปด้วยไฟเบอร์ที่จะช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น ลดการสะสมของสารพิษภายในร่างกายอันเป็นสาเหตุในการเกิดสิวได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ
5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ
 

3.กินถั่วอยู่เสมอ

ถั่วเป็นแหล่งของใยอาหาร หากกินแล้วจะทำให้รู้สึกอิ่มท้อง ช่วยควบคุมความอยากอาหารลงได้และยังดีต่อระบบขับถ่าย แก้ปัญหาท้องผูก ทำให้ของเสียถูกขับออกไปจากร่างกาย ไม่สะสมไว้จนเป็นเหตุทำให้สิวขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ ถั่วยังมีโปรตีนสูงกินแล้วจะช่วยบำรุงสุขภาพผิวให้ยืดหยุ่นกระชับเต่งตึง ผิวอ่อนเยาว์และชุ่มชื้นขึ้นได้อีกด้วย

5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ
5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ

4.ดื่มชาเขียว

เครื่องดื่มชาเขียว เราต่างก็รู้ดีว่ามีคุณสมบัติดีต่อการบำรุงผิวพรรณเช่นกัน และยังดีต่อเรื่องของสิวอีกด้วย เนื่องจากในชาเขียวมีสารโพลีฟีนอลที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยจะช่วยยับยั้งและลดโอกาสในการเกิดสิว นอกจากนี้ ชาเขียวยังช่วยลดการอักเสบของผิวลงได้อีกด้วย จิบบ่อยๆ รับรองผิวสวยปิ๊งไร้สิวกวนใจแน่นอน

5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ
5 วิธีกินอาหารลดสิว เผยผิวหน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.stylecraze.com/

5.งดดื่มน้ำอัดลมและแอลกอฮอล์

เนื่องจากในน้ำอัดลมมีน้ำตาลปริมาณสูง หากดื่มเข้าไปมากๆ ร่างกายจะสร้างอินซูลินออกมาเพื่อลดน้ำตาล ทำให้ไขมันที่ผิวหนังถูกสร้างออกมามากขึ้นตามด้วย และนี่ก็คือสาเหตุของการเกิดสิวดีๆ นี่เองค่ะ นอกจากนี้ สาวๆ ที่ชอบดื่มค็อกเทลก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพราะมันเป็นแหล่งที่มีน้ำตาลปริมาณสูงไม่น้อย ในขณะที่การดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ความชุ่มชื้นของผิวเลือนหายไป ส่งผลให้ผิวแห้ง ต่อมไขมันก็ต้องเร่งผลิตน้ำมันออกมาเพื่อรักษาสมดุลของผิว และทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการมีสิวขึ้นได้นั่นเอง

อยากให้สิวหายไป เผยผิวหน้ากระจ่างใสแบบไร้ที่ติ แถมยังทำให้สุขภาพดีทั้งจากภายในภายนอก สาวๆ ต้องหันมากินอาหารตามคำแนะนำเหล่านี้บ่อยๆ แล้วนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก http://women.sanook.com/blog/74663/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : มีวิธีรักษาสิวอะไรบ้าง

ราชินีหมอลำ เรื่องย่อ ละคร ช่องone

ราชินีหมอลำ 

ราชินีหมอลำ

เรื่องย่อราชินีหมอลำ

      คำนาง “หนึ่งธิดา โสภณ” ศักดิ์ “ดอม เหตระกูล” และ นิ่ม “ด.ญ. ณภัค เจนจิตรานนท์” 3 พ่อลูกเนื้อที่เฝ้ารอคอยการกลับมาของ ผู้เป็นมารดาคือ พิณ “กมลชนก เขมะโยธิน” มาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งวันหนึ่งได้รู้ข่าวมาว่าพิณแม่ของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ และได้ทำงานอยู่ที่คณะหมอลำเพชรอีสาน ทั้ง 3 พ่อลูกจึงได้ตัดสินใจเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อตามหา พิณ แต่หารู้ไม่ว่า ชัชชัย "สถาพร นาควิไลโรจน์” นั้นได้เปลี่ยนชีวิตใหม่ของพิณเป็น ดาว หรือ ดาราราย ประการเพชร เสด็จแล้ว

อ่านต่อที่ http://movie.sanook.com/64885/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าวด่วน

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560

เปิดประวัติ “เรน” ว่าที่เจ้าบ่าว นางฟ้าเกาหลี “คิมแตฮี”

เปิดประวัติ “เรน” ว่าที่เจ้าบ่าว นางฟ้าเกาหลี “คิมแตฮี”

เปิดประวัติ “เรน” ว่าที่เจ้าบ่าว นางฟ้าเกาหลี “คิมแตฮี”

หลังจากคบหาดูใจพร้อมทั้งนักแสดงสาว "คิมแตฮี" มายังมีชีวิตอยู่ระยะเวลา 4 ปี วันนี้นักร้องหนุ่มหล่อ "เรน" ได้ป่าประกาศข่าวดีเรียบร้อยแล้ว  Sanook! Men เลยขอนำประวัติของผู้ชายมากความสามารถคนนี้ลงมาฝากกัน

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://men.sanook.com/16749/

แปม ไกอา สวยใสหวานใจหนุ่ม เพชร เผ่าเพชร

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสาวหน้าหวานปี๋ความสามารถ แปม ศิรภัสรา สินตระการผล เหรอ แปม ไกอา สมาชิกหนึ่งที่ศิลปินวงไกอา ที่มีดีทั้งการร้อง เต้น และเธอเคยเป็นตัวแทนประเทศไทยในการประกวด Global Super Idol ปี 2012 ที่ประเทศเกาหลีใต้ และคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 มาครองอีกด้วย

ที่พีคสุดไม่เท่านั้นหลายคนคงยังไม่รู้ว่าสาว แปม ไกอา คนนี้เป็นหวานใจร่างกายจริงเสียงจริงของหนุ่ม เพชร เผ่าเพชร หรือที่หลายคนรู้จักในนาม กัส จากซีรีส์ ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ สุดแซ่บนั่นเอง

Sanook! Campus ไม่รอช้าไปสืบเสาะหาภาพน่ารักของสาว แปม ไกอา พร้อมด้วยหนุ่ม เพชร เผ่าเพชร บวกกับความน่ารักและสไตล์การแต่งตัวของสาว แปม ไกอา มาให้เพื่อนๆ ได้รับดูกัน อย่ารอช้าไปดูกันเลยจ้า ^^

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://campus.sanook.com/1380877/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าว

ศาลนครพนม นัดไต่สวนรื้อฟื้นคดี “ครูแพะ” พิสูจน์ความจริง

ศาลนครพนม นัดไต่สวนรื้อฟื้นคดี “ครูแพะ” พิสูจน์ความจริง

ศาลนครพนม นัดไต่สวนรื้อฟื้นคดี “ครูแพะ” พิสูจน์ความจริง

PPTV

สนับสนุนเนื้อหา

ความคืบหน้าคดีที่ครูจอมทรัพย์ เหรอ ครูแพะรับบาป ขับรถชนคนตายด้วยกันโดนโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน ในวันนี้ได้เตรียมเดินทางมาขึ้นศาลจังหวัดนครพนม ซึ่งนัดไต่สวนครั้งแรกเพื่อจะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่และพิสูจน์ความจริง โดยครูจอมทรัพย์เชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://news.sanook.com/2153370/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าว

รีวิวกากกาแฟขัดผิว ตัวช่วยให้ผิวเนียน นุ่ม ได้ผลจริง

รีวิวกากกาแฟขัดผิว ตัวช่วยให้ผิวเนียน นุ่ม ได้ผลจริง

รีวิวกากกาแฟขัดผิว ตัวช่วยให้ผิวเนียน นุ่ม ได้ผลจริง

ฮัลโหลสาวๆ วันนี้เกรดดี้จะมา รีวิวกากกาแฟขัดผิว ที่หลายคนอาจจะมองว่า กากกาแฟเนี่ยนะ จะมาขัดตัวได้หรอ! ที่ผ่านมาเราจะได้ยินบ่อยๆ ว่ากากกาแฟ ช่วยเหลือปลูกต้นไม้ ผสมดิน ผสมปุ๋ยเพื่อให้ต้นไม้งอกงาม แต่ถ้าใครได้ลองใช้สูตรนี้แล้วล่ะก็ จะต้องร้องว้าว กับผิวที่เนียน นุ่ม ขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ จัดจ้านถ้าเป็นขาชอบกลิ่นกาแฟอยู่แล้วจะยิ่งฟินเลยค่ะ

แต่ก่อนที่เราจะมาดูสูตรเนรมิตผิวสวยกันนั้น เรามารู้กันก่อนดีกว่าว่า การขัดผิวให้ประโยชน์อย่างไร

การขัดผิว จะช่วยให้ผิวของคุณดูชุ่มชื้น กระจ่างใสทำนองเป็นธรรมชาติ แต่! การขัดผิวไม่ได้ช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้ในพริบตา การออกแรงมากจะยิ่งทำให้ผิวอ่อนแอ เกิดกระแสความแห้งกร้าน เป็นรอยแดง ด้วยกันเป็นสาเหตุให้สิ่งแปลกปลอมเข้าเคลื่อนในผิวของเราได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วควรขัดอย่างเบามือและไม่ควรขัดบ่อยจนเกินไป ควรขัดสัปดาห์ละไม่กิน 2 ครั้ง และไม่ควรทำติดกันเป็นได้จะเว้น 3-4 วัน หรือทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะเหมาะสมที่สุด

ส่วนการเลือกใช้คืน กากกาแฟ ควรจะต้องยังไม่ตายกากกาแฟอย่างเดียว บางร้านเค้าจะใช้เครื่องบดเครื่องเดียวกัน ทำให้กากกาแฟกับกากชารวมกัน ควรหาร้านที่มีเครื่องแยกทั้งสองอย่าง แต่ถ้าเป็นร้านกาแฟชั้นนำไม่แตะต้องห่วงเค้าแยกอยู่แล้วจ้า

สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ การเก็บรักษากากกาแฟ เนื่องดำเนินความชื้นที่อยู่แห่งกากกาแฟนั้นมีมาก ควรตากให้แห้งจนมั่นใจว่าแห้งสนิทแล้วใส่กระปุกไว้ค่ะ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ถึงเวลาที่ Sanook! Women จะพาคุณสาวๆ ไปดูขั้นตอนการ ขัดผิวด้วยกากกาแฟ กันได้เลย

 

สิ่งที่ต้องมี

1. กากกาแฟบด

2. นมสด 

3. น้ำผึ้ง

 

ขั้นตอนแรก นำกากกาแฟบดมาใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ ใครที่ชอบทาพอกตัวหนา อาจจะต้องใส่เยอะสักนิดนะคะ

 

ขั้นตอนที่สอง นำนมสดมาผสมลงไป กากกาแฟที่แข็งจะนิ่มลง แต่อย่าใส่เยอะจนเกินไปนะคะ ไม่อย่างนั้นเนื้อจะดูเหลวไม่ติดผิว

 

 

ใส่น้ำผึ้งลงไปอีกนิด 

 

เมื่อคนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันแล้วมาถึงขั้นตอนการขัดตัวกันเลยค่ะ

 

นำกากกาแฟที่ผสมไว้มาขัดวนผิวๆ ให้ทั่วตัว ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ล้างออกตามปกติ วิธีนี้เกรดดี้ยังไม่เคยลองกับผิวหน้า แม้กระนั้นถ้าคุณเป็นสาวหน้าแห้งที่แตะการเพิ่มความชุ่มชื้นจัดได้เลย แต่อย่าลืมทดสอบที่ใต้ท้องแขนหรือไม่ผิวข้างแก้มแต่ก่อนว่าคุณแพ้กากกาแฟไม่ก็เปล่า

แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยจากนั้นนะคะ สำหรับการทำสวยให้ผิวเนียนนุ่มอย่างปลอดภัย มิต้องเสี่ยงอันตรายไปฉีดผิวหรือกินกลูต้ามอบให้ขาวเวอร์ ก็เพ่งดูดีได้หลังจากนั้นค่ะ

ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://women.sanook.com/39259/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ผู้หญิงอยากรู้

วิธีขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธี ทำแบบนี้สิ หน้าใสไร้สิว ไร้ความหมองคล้ำดั่งใจ

วิธีขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธี ทำแบบนี้สิ หน้าใสไร้สิว ไร้ความหมองคล้ำดั่งใจ

วิธีขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธี ทำโครงนี้สิ หน้าใสไร้สิว ไร้ความหมองคล้ำดั่งใจ

การขัดผิวเป็นการทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก และยังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุดออก แต่การขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธีเทียมถึงนั้นที่ทำแล้วได้ผล ซึ่งวิธีขัดผิวหน้าอย่างถูกต้องเหมาะสมจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะหลายครั้งสาวๆ ทำแล้วกลับมีผิวหน้าหมองคล้ำกลับมาแทนที่ วันนี้เราเลยจะมาแนะนำหลักการในการขัดผิวอย่างไม่ผิดวิธีให้ได้ทราบดังนี้ค่ะ

ตอนหมายถึงสิวควรขัดหน้าดีไหม?

ในช่วงทำเนียบเป็นสิว สาวๆ มิควรขัดผิวหน้าอย่างเด็ดขาด ก็เพราะว่าอาจเป็นการเดินรบกวนสิวให้ยิ่งอักเสบลุกลามหนักขึ้นได้ หรือหากต้องการขัดผิวหน้าจริงๆ แนะนำกำนัลพยายามขัดในส่วนผิวทั่วไปปกติ หลีกเลี่ยงการลูบไล้จุดที่มีสิวขึ้นเด็ดขาด พร้อมทั้งควรล้างหน้าให้สะอาดปราศจากฟองตกค้าง จะได้ไม่เป็นอาหารสิวต่อไป

วิธีขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธี ทำแบบนี้สิ หน้าใสไร้สิว ไร้ความหมองคล้ำดั่งใจ
วิธีขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธี ทำแบบนี้สิ หน้าใสไร้สิว ไร้ความหมองคล้ำดั่งใจ

วางแผนวันขัดผิวไว้บ้างก็ดี

การขัดผิวหน้า ใสครั้งสาวๆ ก็ต้องรู้จักวางแผนช่วงเวลาข้างในการขัดผิวเหมือนกันนะคะ จริงอยู่ที่เราควรขัดผิวในตอนกลางคืนเท่านั้นจึ่งจะเหมาะสม แต่อย่างไรก็ดี สำหรับสาวๆ ที่ขัดผิวหน้าแต่ก่อนนอน แต่หากตอนเช้ามีทริปหรือมีเหตุจำเป็นจะต้องไปทำกิจกรรมกลางแดด หรือไปทะเล เรียกง่ายๆ ว่าหากผิวหน้าจักต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานาน ในช่วงนี้ควรเลื่อนการขัดผิวหน้าไปก่อนเป็นดีที่สุด เนื่องจากช่วงที่เราขัดผิวใหม่ๆ ผิวหน้าจะยิ่งบอบบางและไวต่อแดดอย่างมาก เสี่ยงแผ่นดินจะทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำด้วยกันมีปัญหาระคายเคืองกลับมาได้รับนั่นเอง

ขัดผิวหน้าอย่างเบามือทุกครั้ง

ผิวหน้าของคนเรามีความบอบบางมากกว่าผิวส่วนอื่นๆ ดังนั้น ขณะขัดผิว สาวๆ จึงควรลูบไล้ผิวโดยขัดแบบเป็นวงกลมอย่างเบามือที่สุด โดยทำเช่นนี้จนทั่วทั้งใบหน้า เน้นหน้าผาก จมูก แก้มสองข้างและคางเป็นพิเศษ และหากส่วนใดที่มีสิวเสี้ยนก็อาจจะพยายามขัดผิวบริเวณนั้นย้ำบ่อยๆ ซึ่งเวลาในการขัดก็ควรอยู่ที่ประมาณ 5-10 นาทีก็ถือว่าเพียงพอแล้วค่ะ

วิธีขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธี ทำแบบนี้สิ หน้าใสไร้สิว ไร้ความหมองคล้ำดั่งใจ
วิธีขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธี ทำแบบนี้สิ หน้าใสไร้สิว ไร้ความหมองคล้ำดั่งใจ

ควรทาครีมกันแดดหลังขัดผิวอยู่เสมอ

แม้จะขัดผิวในตอนกลางคืนก็ตาม แต่ในทุกๆ เช้าหลังจากทาครีมบำรุงผิวหน้าเสร็จแล้ว สาวๆ ก็ต้องทาครีมกันแดดปกป้องผิวจากรังสี UV อยู่เสมอ โดยควรเลือกชนิดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ผิวหน้าบอบบางและไวต่อแดดกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ไม่เช่นนั้น แสงแดดจะทำลายผิวหน้าให้หมองคล้ำได้ และหากจะให้ดี พยายามเดินหลบเลี่ยงแสงแดดไว้ด้วยจะดีที่สุด หรืออาจจะกางร่มหรือสวมหมวกปีกกว้างกันแดดอีกทีก็ได้

บำรุงผิวทุกครั้งหลังขัด

หลังละขัดผิวหน้าเสร็จแล้ว สาวๆ ควรทาครีมบำรุงผิวหน้าที่ประกอบด้วยส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ทันที เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวหน้ายิ่งสุขภาพดี เนียนนุ่มสดใสอุดมขึ้น

รู้กันแบบนี้แล้ว จากนี้ไปก็หันมาขัดผิวหน้าอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำจากเรากันนะคะ เพื่อผิวหน้าจะได้ขาวกระจ่างใสไร้สิว ไม่มีริ้วรอยและความหมองคล้ำมาเยือนง่ายอีกต่อไป

ขอบคุณข้อมุลจาก http://women.sanook.com/blog/80203

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : รวมเคล็ดลับเด็ดเรื่องสิว

วันตรุษจีน และประวัติความเป็นมา

 

วันตรุษจีน 8 กุมภาพันธ์ 2559

     

ตรุษจีนเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดข้าวของชาวจีน ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินจีน ณปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2559 (คล้ายๆกับวันสงกรานต์ของไทย) ชาวจีนทุกคนให้ความสำคัญกับวันนี้อย่างมาก มีการหยุดงานเป็นเวลายาว โรงเรียนสถาบันการศึกษาปิดเทอม(ปิดเรียนฤดูหนาว)ในช่วงนี้ เหลือเพียงแต่บางอาชีพที่จำเป็นจะต้องทำหน้าที่พิเศษ ที่ไม่สามารถหยุดงานได้ ในวันตรุษจีนหน่วยงานห้างร้านต่างจะหยุดงานเป็นเวลา 3-4 วัน เพื่อตระเตรียมจัดงานปีใหม่นี้

ภายในครอบครัว ทุกบ้านก็จะทำความสะอาดบ้านเรือน ผ่านปีใหม่ราวกับสะอาดสดใส ร้านค้าห้างสรรพสินค้าต่างก็เต็มขอบไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เด็กๆ ซื้อของขวัญให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย ซื้อบัตรอวยพรในโอกาสมงคล ในตลาดก็คราคล่ำไปด้วยผู้คน ต่างเดินไปเดินมากันขวักไขว่ ซื้อปลาบ้าง ซื้อเนื้อสัตว์บ้าง ซื้อเป็ดไก่บ้าง ทุกคนต่างดูแจ่มใสมีความสุข ช่วงเทศกาลปีใหม่ เด็กๆต่างมีความสุขมาก ต่างสวมเสื้อใหม่ ทานลูกกวาดขนมหวาน เล่นพลุประทัดฝ่ายรื่นเริง

1 คืนก่อนวันปีใหม่จีน เป็นวันสุดท้ายของปีนั่นเอง เป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ช่วงมื้อค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนข้างในครอบครัวจะนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหาร ชนแก้วอวยพรปีใหม่กัน ในช่วงเวลานี้ทุกบ้านจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ พอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไป ชิมไปทานไป ครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นแต่เช้า ทุกคนจะตื่นแต่เช้า เยี่ยมเพื่อนบ้านเพื่อนฝูง เพื่ออวยพรปีใหม่

ประวัติวันตรุษจีน หรือปีใหม่จีน

ตรุษจีนนั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ที่ประเทศทางตะวันตก ร่องรอยข้าวของเครื่องใช้ประเพณี พิธีกรรมความเป็นมาของงานฉลองตรุษจีนนั้น มีมานานกว่าศตวรรษ (100 ปี) จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร

ตรุษจีนนั้นเป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อสิ่งของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน พระราชวังเรือนจะถูกทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่าง หน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูกประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืน เป็นต้น

ที่มาของวันตรุษจีน เกิดจากการจัดขึ้น เพื่อตั้งใจที่จะฉลองฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนนั้น ประเทศจีนปกคลุมไปด้วยหิมะ จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะสามารถเพาะปลูกพืนผักได้ติดตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิตในแต่ละปีเป็นวันสำคัญที่เรียกว่า "วันตรุษจีน"

อาหารวันตรุษจีน ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นั้นผูกไว้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ อาหาร ไปจนถึงเสื้อผ้า อาหารค่ำนั้นประกอบเพราะด้วยอาหารทะเล และอาหารนึ่งเช่นขนมจีบ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีความหมายต่างๆกัน อาหารอันโอชะอย่างเช่นกุ้งจะหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรืองและความสุข เป๋าฮื้อแห้งหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ดี สลัดปลาสดจะนำมาซึ่งโชคดี จี้ไช่ (ผมเทวดา) สาร่ายดูคล้ายผมแต่กินได้จะนำความความร่ำรวยมาให้ และขนมต้ม (Jiaozi) หมายถึงบรรพชนอวยพร

เสื้อผ้าวันตรุษจีน การใส่เสื้อผ้าสีแดงถือเป็นสีที่เป็นมงคล เป็นการไล่ปีศาจร้ายแจกออกไป และการใส่สีดำหรือไม่ก็ขาวเป็นสิ่งต้องห้าม ซึ่งสีเหล่านี้ถือว่าเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์ หลังจากอาหารค่ำทุกคนในครอบครัวนั่งกันจนเช้าเพื่อรอวันใหม่โดยการเล่นเกม เล่นไพ่ หรือดูรายการทีวีที่เกี่ยวกับวันตรุษจีน และในวันนี้จะต้องไม่โกรธ ริษยา หรือ ไม่พอใจ เพื่อเป็นสิริมงคลที่ดีสำหรับปีที่กำลังจะมาถึง

อาหารไหว้เจ้า ตรุษจีน

      ในวันฉลองตรุษจีน อาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันอื่นๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน

  • เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย
  • เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน
  • สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย
  • เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข
  • หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์
  • ปลาทั้งตัว - เป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกันและความอุดม-สมบรูณ์
  • ไก่ - สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์
  • เส้นหมี่ - ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว
  • ในทางตอนใต้ของจีน อาหารที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ส่วนทางเหนือได้แก่ หมั่นโถและติ่มซำ เป็นอาหารที่นิยม

 

* อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวยของบ้าน

ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน

      ทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่

หากคุณร้องไห้ในวันปีใหม่ คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี

ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฏิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน

การแต่งกายและความสะอาด

ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผม เพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี

วันตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ

สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมากๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล

บุคคลแรกที่พบ

บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี

การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ

การเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้ายมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยหรือปกติ ก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก

ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษ

เพราะชาวจีนเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี

ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมา แต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือและปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม โดยที่ชาวจีนตระหนักดีว่า การปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อน เป็นการแสดงถึงความเป็นครอบครัวและเอกลักษณ์ของตน

อั่งเปา

      สัญลักษณ์ที่ทุกคนทราบดีในวันตรุษจีนคือ อั่งเปาสีแดง โดยมีธรรมเนียมคือ ผู้ใหญ่ที่ผ่านการแต่งงานมาและทำงานมีรายได้แล้ว จะมอบซองสีแดง(ที่มีเงินจำนวนหนึ่งข้างใน) ให้กับเด็กๆที่มีอายุต่ำกว่า หรือยังไม่ได้ทำงาน พร้อมกล่าวสวัสดีปีใหม่ ซึ่งสีแดงของอั่งเปานั้นมีความหมายถึงโชคดี และเงินที่ใส่ในซองอั่งเปานั้น มักจะมีจำนวนเป็นเลขนำโชคของจีนนั่นคือเลข 8

15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน

วันแรกของปีใหม่ เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการต่ออายุและนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน

วันที่สอง ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด

วันที่สามและสี่ เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน

วันที่ห้า เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใครเพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย

วันที่หก ถึงสิบชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดไปวาสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข

วันที่เจ็ด ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมาชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ

วันที่แปด ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์

วันที่เก้า จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้

วันที่สิบถึงวันที่สิบสอง เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น และหลังจากที่ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความมัน วันที่สิบสามถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย

วันที่สิบสี่ ความเป็นวันที่เตรียมงานฉลองโคมไฟซึ่งจะมีขึ้น ในคืนของวันที่สิบห้าแห่งการฉลองตรุษจีน

 

คลิปวันตรุษจีนที่ Sanook! เมื่อปีที่ผ่านมา

ติดตามข่าวได้ที่ http://campus.sanook.com/945871/

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

16 มกราคม วันครูแห่งชาติ ประวัติ และความหมาย

วันครูตรงกับวันที่ 16 มกราคม ของทุกๆปี

        จุดประสงค์ในการมีวันครูนี้ เพื่อให้นักเรียนได้ระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ แม่พิมพ์ พ่อพิมพ์ของชาติที่ได้อบรมสั่งสอนเรามาตั้งแต่เล็ก ทำให้เราเป็นคนดีรู้วิชา เพราะฉะนั้นครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างมากในวงการ การศึกษา ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ รวมทั้งเป็นอาชีพที่ถือว่ามีความเสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างมาก

        เหตุผลที่วันที่ 16 มกราคมของทุกปีถูกกำหนดให้เป็นวันครูอันเนื่องมาจาก ในปี 2488 ประเทศไทยมีการประกาศพระราชบัญญัติครูขึ้นมาในราชกิจจานุเบกษา จึงมีการกำหนดให้มีวันครูครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมา

        วันนี้ Sanook! Campus จึงอยากพาทุกๆท่าน ไปทำความรู้จักกับ ประวัติ ความหมาย ความเป็นมา รวมไปถึงกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันครูแห่งชาตินี้ นอกจากนั้นยังมีบทกลอนวันไ้วครูเพราะๆ โดยพระวรเวทย์พิสิฐ(วรเวทย์ ศิวะศรียานนท์)

ความหมายของครู

        ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอนแนะนำ ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ เป็นผู้ที่มีหน้าที่สอน อบรมเกี่ยวกับวิชาความรู้ การอ่านเขียน รวมไปถึงการให้ความรู้และแนะนำในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน (คำว่าครูนั้นมาจากศัพท์ภาษาสันสกฤต คำว่า "คุรุ" และภาษาบาลี คำว้า "ครุ" , "คุรุ")

วันครูแห่งชาติวันครูแห่งชาติ

ประวัติความเป็นมาของวันครูแห่งชาติ

        

วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า"คุรุสภา" ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคลและให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความ เห็นในเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ จัดสวสัดิการให้แก่ครูและครอบครัว ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู

ด้วยเหตุนี้ในทุกๆปี คุรุสภาจึงจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งซักถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆเกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภา โดยมี คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุม"สามัคคยาจารย์"หอประชุมของจุฬาลงกร ณมหาวิทยาลัย ในระยะหลังจึงมาใช้หอประชุมของคุรุสภา

ปี พ.ศ. 2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวปราศัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า "ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่า"วันครู"ควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้ แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"

จากแนวความคิดนี้ กอรปกับความคิดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆที่ล้วนเรียกร้อง ให้มี "วันครู" เพื่อให้เป็นการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสีย สละ ประกอบคุณงามความดีเพื่แประโยชน์ข้าวของเครื่องใช้ชาติ และประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติ เห็นควรให้มี "วันครู" เพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอในหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครู กับเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอีนดีระหว่างครูกับประชาชน

ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปีเป็น "วันครู" โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจา นุเบกษาเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 ทั้งเป็นวันครู และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดัง กล่าวได้

การจัดงานวันครูได้รับจัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการกำนัลมีอนุสรณ์งานวันครูไว้สละแก่อนุชนรุ่น หลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือหนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ

การจัดงานวันครู

งานวันไหว้ครูในปัจจุบัน หาได้ถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแปลงกิจกรรม เนื่องด้วยให้สอดคล้องพร้อมด้วยการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยตลอดเวลา ซึ่งในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมีกิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ดังนี้

1. กิจกรรมทางศาสนา
2. พิธีรำลึกถึงครูบาิจารย์ โดยประกอบด้วยพิธีปฏิญานตน รวมไปถึงงานกล่าวระลึกถึงพระคุณของครู
3. กิจกรรมจัดเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ปกครองกับคุณครู อาจจะเป็นการแข่งขันกีฬาเพื่อความสามัคคี หรืองานเฉลิมฉลองต่างๆ
บทกล่าววันไหว้ครู และขั้นตอนในการจัดกิจกรรม

ปาเจราจริยา โหนติ คุณุตตรานุสาสกา (วสันตดิลกฉันท์)

ประพันธ์โดย พระวรเวทย์พิสิฐ (วรเวทย์ ศิวะศรียานนท์)

บทไว้ครู ปาเจราจริยา โหนติบทไว้ครู ปาเจราจริยา โหนติ

ปัญญาวุฒิกเรเตเต ทินโนวาเท นมามิหัง

ผละนั้นประธานจัดงานวันครู จะเชิญผู้ร่วมประชุมยืนสงบนิ่ง 1 นาที เพราะด้วยระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ครูอาวุโสประจำการนำผู้เข้าร่วมประชุมกล่าวคำปฏิญาณดังนี้

ข้อ 1.ข้าฯจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
ข้อ 2.ข้าฯจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
ข้อ 3.ข้าฯจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม
จบแล้วพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี ถวายของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอกและที่ประจำการสุดท้ายกล่าวคำปราศัยและให้ โอวาทแก่ครูแห่งมาประชุม

จรรยามารยาทด้วยกันวินัยตามระเบียบประเพณีของครู

เลื่อมใสณการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น
ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่ อุทิศเวลาของตนให้แก่ศิษย์ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่การงานไม่ได้
รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าครอบครองผู้ประพฤติชั่ว ห้ามประพฤติการใดๆอันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงของครู
ถือปฏิบัติตามกฎระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา กับปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่การงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา
ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง ไม่นำหรือไม่ก็ยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริตหรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ
ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการโดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างดำรงฐานะผลงานของตน และไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำผลงานของผู้อื่นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน
ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความเที่ยงธรรม ไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นประการใดอย่างที่ดีแก่ศิษย์ รักษาความลับของศิษย์ ของผู้ร่วมงานกับสถานศึกษา
รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในที่หน้าที่การงาน

ติดตามลายละเอียดได้ที่ http://campus.sanook.com/1183409/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าวด่วน

นางฟ้าเกาหลี คิมแตฮี (KIM TAE HEE) ขอโทษ หมาก ปริญ ผ่านสื่อ!?

 

นานๆทีจะบินมาอวดโฉมให้แฟนๆชาวไทยได้มาพบเจอกันสักครั้ง กับเจ้าของฉายา "นางฟ้าเกาหลี" คิมแตฮี (Kim Tae Hee) นักแสดงชั้นแนวหน้าของใช้เกาหลี เนื้อที่บินตรงมายังประเทศไทยเพื่อถ่ายทำโฆษณาตัวใหม่ 12 Plus Colorista Japan เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2557 แถวผ่านมา ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ ทีมงาน Sanook Movie จัดหามาเก็บบทสัมภาษณ์และภาพสวยๆของสาวคิมแตฮี ในงานแถลงข่าวเปิด '12 Plus Colorista Japan' มาหาฝากค่ะ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://movie.sanook.com/41491/

 

“ชาญชัย ลิขิตจิตถะ” องคมนตรี ถึงแก่อสัญกรรม

“ชาญชัย ลิขิตจิตถะ” องคมนตรี ถึงแก่อสัญกรรม 

“ชาญชัย ลิขิตจิตถะ” องคมนตรี ถึงแก่อสัญกรรม 

Spring News

สนับสนุนเนื้อหา

วันที่ 18 ม.ค.60 เมื่อเวลา 08.30 น. นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ได้มาถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ในขณะที่ที่อายุ 70 ปี ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยมีพิธีรดน้ำศพในวันพรุ่งนี้ (19ม.ค.60) เวลา 17.00 น. ณ ศาลาบัณรศภาค วัดเบญจมบพิตร 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://news.sanook.com/2154638/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าววันนี้

สูตรขัดผิวขาวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

สูตรขัดผิวขาวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

สูตรขัดผิวขาวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

ผู้หญิงทุก มานพไม่ว่าใครก็ล้วนอยากมีผิวขาว แต่ทว่าหากคุณเกิดมาพร้อมกับผิวสองสี ผิวแทนหรือผิวสีน้ำผึ้งตลอดตราบเท่าผิวหมองคล้ำอันเนื่องมาจากการตากแดดเป็นเวลา เนิ่นนาน ความหมองคล้ำจากแดดก็ย่อมบดบังความกระจ่างใสของใช้ผิวจนเหลือแต่เพียงความหมอง คล้ำดำกร้านได้เช่นเดียวกัน วันนี้เรามีสูตรความงามที่จะช่วยเปลี่ยนสีผิวของคุณสละกลับมาขาวกระจ่างใสแบบธรรมชาติได้ค่ะ สมมตพร้อมแล้ว.. เรามาดูกันเลยว่ามีสูตรไหนทำอย่างไรบ้าง

สูตรขัดผิวขาว

สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส
สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

สูตรขัดผิวด้วยมะขามเปียก มะนาว ขมิ้น โยเกิร์ตและน้ำผึ้ง
ด้วย ส่วนผสมดำเนินมะขามเปียกและมะนาวถิ่นนำมาผสมผสานกัน ยิ่งเป็นการเพิ่มสองคุณค่าจากกรดผลไม้ย่านจะช่วยเร่งความกระจ่างใสให้สีผิว เพราะสองผลไม้ดังกล่าวมีฤทธิ์หมายความว่ากรดมันจักช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าแห่งตายแล้ว ให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน ในขณะที่โยเกิร์ต น้ำผึ้งจะช่วยคืนความเนียนนุ่มชุ่มชื้นให้ผิวและขมิ้นก็จะช่วยจัดการ แบคทีเรียบนผิวหนังมอบให้หมดไป อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเคลือบผิวทำให้สีผิวผุดผ่องเป็นยองใยมากขึ้น เช่นเดียวกับนั้น สูตรนี้จึงมั่นใจได้ว่าจะช่วยเปลี่ยนผิวหมองคล้ำของคุณให้ค่อยๆ ขาวกระจ่างใสยอมธรรมชาติได้ราวกับแน่นอน

สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส
สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส
 

วิธีใช้ ยกมา ส่วนผสมทั้งหมดมาผสมรวมกัน อาจจะแยกเอามะขามเปียกไว้ต่างหากก็ได้นะคะ โดยนำมะขามเปียกมาชุบกับส่วนผสมทั้งหมดแล้วขัดผิวแทนใยบวบนั่นเอง ขัดผิวให้ทั่วเรือนร่างเพราะว่าขัดวนสดวงกลมไปมา จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ 15-20 นาทีค่ะ แล้วล้างออกให้สะอาด ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ที่สำคัญหลังจากขัดผิวเสร็จแล้วอย่าลืมรีบชโลมผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมจาก ไวท์เทนนิ่งทันที และทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ภายในบ้านก็ตามก็ต้องทาครีมกันแดดค่ะ เพราะแสงจากหลอดไฟก็แผ่รังสีที่จะทำลายผิวให้หมองคล้ำรวดเร็วได้มา

สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส
สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

สูตรดังกล่าวสาวๆ สามารถนำมาพอกหน้าหาได้เช่นเดียวกันนะคะ เท่านั้นอาจจะเลือกครอบครองมะนาวหรือมะขามเปียกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้กรดจากผลไม้มีมากเกินเจียรจนทำลายผิวเอื้ออำนวยแสบระคายเคืองค่ะ และอาจจะลดขมิ้นให้น้อยลงด้วย ไม่เช่นนั้น อาจทำให้ผิวหน้าสาวๆ เหลืองอย่างที่ไม่พึงจะเป็นได้รับ

สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส
สูตรขัดผิวมะขามเปียกพื้นบ้านเปลี่ยนผิวคล้ำให้ขาวกระจ่างใส

สูตรขัดผิวจากมะขามเปียกและ วัตถุดิบอื่นๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติช่วยผลัดผิวและเผยเซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่าง

ใส เปล่งปลั่ง ทำให้ผิวขาวอย่างเป็นธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อสาวๆ ทำเป็นประจำสม่ำเสมอ ควบคู่กับการกินผักผลไม้ที่ให้วิตามินแร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-10 แก้ว นอนพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำกับหลับให้สนิทตลอดคืน มีหรือคะที่ผิวหมองคล้ำจะไม่โบกมือลาหายไป

สำหรับสาวที่มีอยู่ผิวแทน ผิวสองสีเหรอผิวสีน้ำผึ้ง คุณก็จะพบกับผลลัพธ์สรรพสิ่งสีผิวที่จะค่อยๆ ขาวกระจ่างใสได้เช่นเดียวกัน ไม่เชื่อ.. คงต้องลองทำตามกันแล้วค่ะ แล้วคุณจะทึ่งไปกับคุณสมบัติของสูตรภูมิปัญญาพื้นบ้านไทยเราสุดๆ เลยล่ะ

ลายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://women.sanook.com/blog/22855/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ผู้หญิงอยากรู้

วิธีรักษาสิวด้วยมะเขือเทศ

วิธีรักษาสิวด้วยมะเขือเทศ

วิธีรักษาสิวด้วยมะเขือเทศ 

ขายส่ง รับผลิต เซรั่มหน้าใส เซรั่มมะเขือเทศรักษาสิว

รหัสสินค้า : 000442
ราคา 400.00
Availability : In Stock
รหัสสินค้า : 000443
ราคา 600.00
Availability : In Stock

การรักษาสิวด้วยมะเขือเทศสามารถทำเองได้ง่ายๆ และไม่เป็นอันตรายเนื่องจากใช้วัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติล้วนๆ เหตุผลที่คิดว่ามะเขือเทศสามารถช่วยรักษาสิวได้ก็คือ ภายในมะเขือเทศจะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่ นอกจากนั้นมะเขือเทศยังอุดมไปด้วยวิตามิน ซี และวิตามัน เอ รวมเดินถึงมะเขือเทศจะมีฤทธิ์คือกรดอ่อนๆ ทำประทานสามารถช่วยรักษาสิวได้ มะเขือเทศถือเป็นผักผลไม้ที่สามารถหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป สำหรับสูตรมะเขือเทศรักษาสิวที่นำมาแนะนำข้างในวันนี้สามารถทำได้มากหลายรูปแบบก็คือ

วิธีรักษาสิวด้วยมะเขือเทศ
วิธีรักษาสิวด้วยมะเขือเทศ

1. สูตรพอกหน้า นำมะเขือเทศมาบดให้ละเอียดประมาณ1 ลูก จากนั้นนำมาใช้ในการพอกหน้าบริเวณที่มีสิวและไม่มีสิว หรือพอกไว้ให้ทั่วใบหน้า จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จบล้างออกด้วยว่าน้ำอุ่น แล้วไปเช็ดหน้าให้แห้ง ส่งให้ทำต่อเนื่องกันประมาณ 1 สัปดาห์ จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิวได้

2. สูตรมะเขือเทศช่วย ขั้นวิภาควิธีการแปลงก็คือ ชี้บอกน้ำมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมะนาว 2-4 หยด จากนั้นใช้ สำลีชุบส่วนผสมดังกล่าวแล้วทาให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ประมาณ10-15 นาที จากนั้นให้ล้างออกเช่นเดียวกันน้ำอุ่น

วิธีรักษาสิวด้วยมะเขือเทศ
วิธีรักษาสิวด้วยมะเขือเทศ
 

3. สูตรมาร์คหน้าด้วยมะเขือเทศกับอาโวกาโด้ ขั้นตอนวิถีทางการทำ เริ่มทำด้วยการบดมะเขือเทศกับอาโวกาโด้ให้เข้ากัน จากนั้นนำไปทาให้ทั่วทั้งใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ10-20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น หรือ น้ำเย็นก็คว้า เช็ดหน้าให้แห้ง ยังมีชีวิตอยู่อันเสร็จเรียบร้อย

4. วิธีลดความมันของใบหน้า เริ่มด้วยการผ่ามะเขือเทศครึ่งลูกแล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่เกิดสิว ไม่ก็บริเวณที่หน้ามันๆ จากนั้นล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น และเช็ดหน้าประทานแห้ง

วิธีรักษาสิวด้วยมะเขือเทศ
วิธีรักษาสิวด้วยมะเขือเทศ

5. สูตรมะเขือเทศและแตงกวา ขั้นตอนในการทำง่ายๆ เพียงเพียงนำแตงกวามา 1 ลูก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และสับให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำแตงกวาแล้วกรองแยกใส่ชามยกมาไว้ ทิ้งนั้นนำมะเขือเทศมาหา 1 ลูกหั่นแยกออกละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำเช่นกัน หยิบยกน้ำแตงกวาและน้ำมะเขือเทศมาผสมให้เข้ากัน ใช้สำลีชุบทาให้ทั่วบริเวณผิวหน้า แล้วล้างออก เช็ดหน้ามอบแห้ง

6. สูตรมาร์คหน้าด้วยมะเขือเทศกับโยเกิร์ต มีขั้นตอนการทำก็คือ หั่นมะเขือเทศประมาณครึ่งลูก และสับให้ละเอียด นำไปผสมกับโยเกิร์ต 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น 

ครีมมาส์กหน้าใส มาส์กมะละกอโยเกริ์ต

รหัสสินค้า : 000843
ราคา 225.00
Availability : In Stock

การรักษาสิวด้วยวิธีนี้ ถือได้ว่าเป็นวิธีรักษาสิวด้วยธรรมชาติ รับรองได้ว่าปลอดภัยไร้ผลข้างเคียงแน่นอนค่ะ แถมยังทำให้ผิวหน้าของคุณมีสุขภาพที่ดีอีกด้วยนะคะ ไม่เชื่อก็ลองนำไปทำกันดูนะคะ ถึงไม่เป็นสิวก็สามารถนำไปใช้บำรุงได้เหมือนกันค่ะ

รวบรวมเรื่องราว รักษาสิว ที่ http://women.sanook.com/49601/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สิวมีกี่แบบ