วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สรุปทุกสิ่งก่อน iPhone X เปิดตัว สเปค ราคา วันจำหน่ายที่น่าจะเป็น

สรุปทุกสิ่งก่อน iPhone X เปิดตัว สเปค ราคา วันจำหน่ายที่น่าจะเป็น

สรุปทุกสิ่งก่อน iPhone X เปิดตัว สเปค ราคา วันจำหน่ายที่น่าจะเป็น

Arip

สนับสนุนเนื้อหา

อีกประมาณ 1 วัน ทั่วโลกจะได้ทราบกันเสียทีว่า iPhone รุ่นใหม่ จะมีหน้าตา สเปค ราคา และวันจำหน่ายเป็นอย่างไร หลังจากข่าวคราวและภาพกระหน่ำหลุดมาแบบไว้เว้นแต่ละวัน แต่ก่อนจะถึงช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 12 กันยายน นี้ aripfan ได้สรุปข้อมูลที่น่าจะเป็นของ iPhone X ที่ว่ากันว่าจะเป็นรุ่น Limited Edition มาให้ทุกท่านได้เชิญชมกันก่อนจะไปร่วมลุ้นการเปิดตัวครับ

untitled-1 ชื่อที่แท้จริง ?

ความสนใจของการเปิดตัว iPhone ในปีนี้พุ่งไปที่ iPhone X มากกว่ารุ่นอัพเกรด iPhone 7 ซึ่งหลายสื่อในต่างประเทศต่างแสดงท่าทีมั่นใจว่า Apple จะแสดงผลิตภัณฑ์สุดพิเศษเพื่อตอบรับกับการก้าวสู่ปีที่ 11 อย่างยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามชื่อ iPhone X ยังไม่มีสิ่งใดมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า Apple จะเลือกใช้ชื่อ iPhone X จริงๆ ขณะเดียวกันสื่อต่างประเทศบางรายกลับมองว่าชื่อ iPhone Pro มีแนวโน้มเกิดขึ้นได้เช่นกัน เพื่อให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์อย่าง iPad กับ iPad Pro

ดีไซน์จะเป็นอย่างไร

ในยุค Tim Cook ถูกตั้งคำถามมากมายถึงดีไซน์ของ iPhone ที่คงหน้าตาเดิมๆ ปล่อยให้สมาร์ทโฟน Android หลายรายแซงหน้าไปแล้ว ดังนั้นในด้านดีไซน์หรือการออกแบบจะเป็นจุดที่จะถูกพัฒนาใหม่เพื่อแสดงความเปลี่ยนแปลงให้เห็นเด่นชัดที่สุด

1

จอ OLED จะถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกแทนจอ TFT-LCD ที่มีความยืดหยุ่น ทนทานกว่า ให้การแสดงผลที่มีประสิทธิภาพ มีความคมชัด และประหยัดพลังงานด้วยความละเอียดที่มีการวิเคราะห์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ  2,436 x 1,125 พิกเซล ภายใต้ขนาดที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะออกมาที่ขนาด 5.1, 5.2 หรือ 5.8 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ Apple จะใช้ดีไซน์แบบ “edge-to-edge” หรือใช้พื้นที่จอแสดงผลแบบเต็มพื้นที่ด้านหน้า กินพื้นที่มาถึงบริเวณปุ่มโฮม และนั่นหมายปุ่มโฮมที่อาจต้องโยกย้ายหรือถูกเปลี่ยนไปใช้งานในรูปแบบอื่นๆ แทน รวมไปถึงบริเวณกล้องหน้าที่จะถูกลดพื้นที่ลง เพื่อหลีกให้กับพื้นที่จอแสดงผลที่มากขึ้น

ขณะที่ตัวเครื่องด้านหลังจะใช้กระจกเป็นวัสดุหลักแทนอลูมิเนียมที่ใช้อยู่ใน iPhone 6, 6s และ 7 ส่วนบริเวณขอบทั้งสี่ด้านใช้อลูมิเนียมเพียงเล็กน้อย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดีไซน์นอกจากการแสดงจุดยืนเรื่องความทันสมัยแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงการเป็นสมาร์ตโฟนที่เสมือนเครื่องประดับอันหรูหรา

คุณสมบัติใหม่ที่น่าจะมีเพิ่มขึ้น

นอกจากดีไซน์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว การออกแบบภายในยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องพัฒนาให้สอดคล้องกันด้วย ซึ่ง iOS 11 เป็นที่แน่นอนว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดที่ถูกนำมาใช้ใน iPhone X ทันที หลังจากเปิดตัวในงาน WWDC 2017 เมื่อเดือนมิถุนายน

2

Touch ID แบบใหม่ : สืบเนื่องจากการพัฒนาดีไซน์จอแสดงผลแบบ edge-to-edge หรือการใช้งานพื้นที่จอแสดงผลมากขึ้น ทำให้ปุ่มโฮมแบบเดิมที่อยู่คู่กับ iPhone มาช้านานจำเป็นต้องปรับรูปแบบการใช้งานใหม่ ซึ่งสื่อต่างประเทศเชื่อว่ามีแนวโน้มที่ Apple จะ Virtual button หรือปุ่มโฮมแบบสัมผัส พร้อมพัฒนาให้รองรับการสแกนลายนิ้วมือได้ในตัว อย่างไรก็ตามก็มีสื่อบางรายที่เห็นต่างว่า เทคนิคสแกนลายนิ้วมือบนจอแสดงผลยังเร็วเกินไปที่จะนำมาใช้จริง เป็นผลมาจากข้อจำกัดที่ Apple พบในการทดลองใช้ Touch ID ใต้จอแสดงผล OLED อาทิ จอแสดงผลแบบเต็มพื้นที่ไม่รองรับการจดจำลายนิ้วมือแบบที่ปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้, ปัญหาทางเทคนิคของแผง OLED ที่ทำให้ประสิทธิภาพของการสแกนลายนิ้วมือลดลง เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่ยังไม่ยืนยันและเสียงแตกออกเป็นสองฝ่าย น่าคิดไม่น้อยว่าสุดท้ายแล้วจุดที่ลงตัวที่สุดของปุ่มโฮมบน iPhone X จะออกมาในรูปแบบใด

3

Advertisement

3D sensing : เป็นอีกทางเลือกของการใช้เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเพิ่มความปลอดภัย เป็นรูปแบบของระบบที่ใช้ไบโอเมตริกซ์แบบใหม่ ด้วยการจดจำใบหน้าแบบ 3 มิติ หรือหากจะกล่าวเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ ก็หมายถึง ระบบสแกนใบหน้านั่นเอง

Wireless Charging : ต้องบอกว่าเทคโนโลยี Wireless Charging หรือชาร์จไร้สายไม่ใช่ของใหม่ ในวงการโทรคมนาคมมีค่ายสมาร์ตโฟนเริ่มมาหันมาใช้กันเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ Apple กลับยังไม่เลือกที่จะนำมาใช้ร่วมกับ iPhone อย่างไรก็ดีใน iPhone X มีแนวโน้มพอสมควรที่เทคโนโลยีชาร์จไร้สายจะถูกนำมาใช้เสียที ซึ่งก็แน่นอนว่าระดับ Apple ต้องทำอะไรที่เหนือกว่าคู่แข่งอยู่แล้ว

คิดว่ามาแน่ !

กล้องหลังคู่ แนวตั้ง : ภาพและคลิปวีดีโอที่อ้างว่าเป็น iPhone X ที่แพร่สะพัดอยู่บนโลกออนไลน์เวลานี้ ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่ากล้องหลังคู่ที่เดิมทีใน iPhone 7 Plus เป็นแบบแนวตั้ง แต่ในปีนี้จะปรับมาเป็นแนวตั้งแทน ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่า การพัฒนากล้องหลังคู่ แนวตั้ง จะมีผลหรือประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างไรต่อการถ่ายภาพและบันทึกวีดีโอ

4

AR : อย่างที่ Apple ได้สาธิตการใช้งานเทคโนโลยี AR ในงาน WWDC 2017 ด้วยอุปกรณ์ iOS ผ่านระบบปฏิบัติการ iOS 11 ที่มีแพลตฟอร์ม ARKit รวมอยู่ด้วย เป็นการจำลองภาพเสมือนจริงให้ซ้อนทับกับโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อการจำลองที่ตั้งเฟอร์นิเจอร์, การบอกเส้นทาง ไปจนถึงการเล่นเกม ซึ่งเทคโนโลยีนี้คาดว่าจะมีส่วนสอดคล้องกับกล้องหลังคู่ แนวตั้งด้วย แต่จะให้ผลลัพธ์อย่างไร ต้องรอติดตามครับ

กันน้ำ : มาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่น IP67 ถูกนำมาใช้ใน  iPhone 7 และ 7 Plus มีคุณสมบัติกันน้ำหรือของเหลวในระดับความลึกไม่เกิน 1 เมตร ในระยะเวลา 30 นาที ไม่สามารถใช้ถ่ายภาพใต้น้ำได้ แต่ใน iPhone 8 มาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่นจะถูกยกระดับขึ้นอีกหนึ่งขั้นมาใช้ IP68 ที่มีความทนทนต่อฝุ่น และอยู่ในน้ำในระดับความลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที เทียบเท่า Samsung Galaxy S8

ชิปประมวลผลใหม่ : ชิปประมวลผล A11 คงไม่ใช่เรื่องที่เซอร์ไพรส์นัก เพราะเชื่อว่า Apple คงแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพทั้งด้านความเร็ว การประมวลผล ไปจนถึงการทำงานด้านกราฟิกที่ดีกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา

Siri จะฉลาดขึ้น : แนวโน้มเทคโนโลยีในอนาคตเชื่อกันว่า Artificial Intelligence หรือ AI จะเข้ามามีบทบาททั้งในชีวิตประจำวันและในทุกๆ อุตสาหกรรม โดย Apple เองก็มองเห็นความสำคัญในจุดนี้เช่นกัน และได้พัฒนา Siri มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ซึ่งในปัจจุบัน Siri มีพัฒนาการในการรับคำสั่งเสียง พร้อมแสดงรายละเอียดของสิ่งที่เราต้องการได้หลากหลายมากขึ้น จนเปรียบเสมือนเลขาส่วนตัวที่ต้องมีไว้ใช้งาน สำหรับในอนาคตอันใกล้นี้ Siri จะยิ่งมีความสามารถเพิ่มมากขึ้น เป็นทั้งผู้ให้คำตอบและสามารถแนะนำทางเลือกที่ดีที่สุดให้ผู้ใช้ได้

สี

สีดำ Jet Black ยังคงถูกวางให้เป็นสีตั้งต้นใน iPhone X เนื่องจากการประเดิมสีนี้ใน iPhone 7 และ 7 Plus ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ส่วนสองสีที่คาดกันว่าจะมาพร้อมกันในคราวเดียว ได้แก่ สีขาว และสีทองแดง หรือ “Blush Gold ” แต่จะมีสีอื่นๆ เพิ่มเติมขึ้นมาด้วยหรือไม่นั้น ต้องติดตามในวันแถลงเปิดตัวครับ

5

ราคา

iPhone X ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบชุดใหญ่ จัดว่าเป็นรุ่น Limited Edition ซึ่งสื่อในต่างประเทศล้วนวิเคราะห์เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าจะมีราคามากกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 33,000 บาท ซึ่งราคานี้เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากการใช้วัสดุที่มีราคาแพงขึ้นและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมไปถึงกระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

วันวางจำหน่าย

หลังจาการเปิดตัวในวันที่ 12 กันยายน นี้ ตามกระแสข่าวในตอนนี้ระบุว่า Apple จะเริ่มเปิดให้จองครั้งแรกในวันที 15 กันยายน พร้อมเปิดขายอย่างเป็นทางการสำหรับประเทศกลุ่มแรกในอีกหนึ่งสัปดาห์ถัดมา หรือประมาณวันที่ 22 กันยายน ส่วนการเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย คาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายเดือนตุลาคม

ปิดท้าย…

ในงานวันที่ 12 กันยายน นี้ นอกจาก iPhone X ยังมีรุ่นอัพเกรดจาก iPhone 7 อีกสองรุ่น นั่นคือ iPhone 7s และ iPhone 7s Plus แต่เมื่อเร็วๆ นี้มีการค้นพบโค้ดภายใน iOS 11 เวอร์ชั่น GM ล่าสุด ปรากฏว่ามีการระบุชื่อของ “” เข้ามาด้วย ทำให้ในตอนนี้ทิศทางของการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ น่าจะมีทั้ง iPhone X, iPhone 8 และ iPhone 8 Plus

อ่านลายละเอียดเพิ่มเติม ไอโฟน 8 ทั้งหมด >>> http://hitech.sanook.com/1433941/

5 เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ไวรัสตับอักเสบบี”

5 เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ไวรัสตับอักเสบบี”

แม้ว่าจะมีวัคซีนคุ้มครองโรคนี้ออกมานานมากแล้ว แต่ยังประจวบผู้ป่วยเป็นโรคนี้อยู่มากมาย สาเหตุเครื่องยึดเหนี่ยวที่ทำให้ผู้ป่วยไม่เข้ามารับวัคซีน นอกจากทุนทรัพย์ไม่เพียงพอแล้ว ยังเป็นเรื่องของการไม่เห็นความสำคัญของวัคซีน ไม่ทราบถึงอันตรายของโรคนี้ จึงประกอบให้เราอาจเพิกเฉยกับโรคนี้โดยไม่รู้ตัว

แม้จะเป็นโรคที่คุ้นเคยกันดีในหมู่คนไทย แต่น่าแปลกใจว่ายังมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวด้วยกันโรคนี้อยู่มาก ซึ่งทำประทานหลายคนขาดโอกาสรับงานรักษาจนหายขาด หรืออาจเป็นหนักจนไม่สามารถรักษาได้ ทั้งที่จริงแล้วโรคนี้ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น

ไวรัสตับอักเสบบี นั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งเชื้อติดต่อยอดนิยมซึ่งแฝงตัวอยู่แห่งสังคมของเรา เพราะถ้าหากได้ติดแล้วหายขาดยาก อีกทั้งผู้ที่ติดโรคตับอักเสบบีนี้มักไม่แสดงอาการ หลายๆ คนจึงมองข้ามที่จะดูแลตัวเองและไม่ไปฉีดวัคซีนป้องกันไว้ ทั้งๆ ที่เราเป็นสิ่งที่จะช่วยป้องกันจากโรคร้ายนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไวรัสตับอักเสบบี คืออะไร ?

โรคตับอักเสบบี หรือในบางแห่งอาจเพรียกหาว่า โรคไวรัสตับอักเสบบี ดำรงฐานะโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งเชื้อไวรัสที่ว่านี้จะเข้าไปทำลายตับ ตลอดจนก่อให้เกิดโรคมะเร็งตับ โดยที่ส่วนใหญ่ของผู้ติดเชื้อมักไม่ทราบว่ามีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย พบการติดเชื้อได้ในหลายประเทศ อีกทั้งยังมักเป็นการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกในขณะคลอดได้อีกด้วย

ไวรัสตับอักเสบบี ติดต่อกันได้อย่างไร ?

เกิดการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก โดยส่วนมากพบการติดเชื้อในขณะคลอดบ่อยที่สุด
เกิดการติดเชื่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งวิธีที่จะทำให้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จะง่ายกว่าการติดเชื้อไวรัส HIV
เกิดการติดเชื้อทางเลือด ซึ่งอาจเป็นการใช้ของมีคมที่มีการเปื้อนเลือด มีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การฝังเข็ม การสักตามร่างกาย หรือแม้แต่การเจาะหูที่ไม่สะอาด
นอกจากนั้น ยังไม่มีการค้นพบโอกาสที่จะติดเชื้อได้ออกจากช่องทางอื่น อาทิ การรับประทานอาหารร่วมกัน หรือการงานร่วมกันในลักษณะปกติที่เอื้อโอกาสให้มีการติดต่อของเชื้อได้

5 เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ไวรัสตับอักเสบบี”

1. ไวรัสตับอักเสบบี ไม่มียารักษา?

ไวรัสตับอักเสบบีในปัจจุบันมียาหลายชนิดรวมหมดยากิน ยาฉีด แพทย์จะเลือกสรรใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละราย แม้อาจจักต้องทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน หรืออาจจะทานยาไปตลอดชีวิต แต่จะสามารถควบคุมเชื้อไวรัสไม่ให้เพิ่มมากขึ้นได้ ทำให้อาการสงบ และไม่ลุกลามได้ ในอนาคตมียาที่กำลังวิจัยอยู่ สามารถฆ่าไวรัสที่ซ่อนในตับได้ ซึ่งทำให้มีโอกาสหายขาดได้

2. เป็นแค่พาหะไวรัสตับอักเสบบี ไม่ต้องรับการตรวจ หรือรักษาก็ได้?

ผู้ป่วยไวรสตับบีทุกคนไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน เช่น ตับอักเสบเรื้อรัง หรือพาหะ ทุกคนต้องได้รับการตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ และ อาจต้องได้รับยาในบางคน โดยต้องกินยาสม่ำเสมอดั่งกัน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์

3. ยาควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ทานบ้าง หยุดบ้างก็ได้ ไม่เป็นไร?

เนื่องจากยาภายในปัจจุบันครอบครองยาที่ทำให้ไวรัสไม่แบ่งตัว ทำให้ไวรัสสงบ แต่เมื่อหยุดยา ไวรัสอาจแบ่งตัวใหม่ และปฏิบัติการให้โรคกำเริบในที่สุด อาจยังมีความเสี่ยงในการเป็นตับแข็ง พร้อมด้วยมะเร็งตับได้ในที่อนาคต

4. เป็นไวรัสตับอักเสบบี ต้องทานยาระบิเดียว?

อย่างที่บอกว่า ยาสำหรับควบคุมเชื้อไวรัส มีทั้งยากิน และยาฉีด แต่ก็ไม่ได้ความว่าจะต้องได้รับยาทุกคน เพราะไวรัสตับอักเสบมีทั้งที่เป็นแบบเรื้อรัง (ที่ต้องทานยาตลอด) และแบบเฉียบพลัน ซึ่งสามารถหายได้เองโดยไม่ร้องรับการรักษา 80-90%

5. วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ราคาแพง ต้องฉีดใหม่เรื่อยๆ?

โดยทั่วไปแล้ว ราคาของวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี จะเสด็จที่เข็มละ 200-300 บาท จำเป็นต้องฉีดจำนวน 3 เข็ม เมื่อฉีดครบทั้ง 2 เข็ม ดำเนินนั้นเว้นระยะสักพัก หากตรวจเลือดพบว่ามีภูมิคุ้มกันแล้ว ก็จะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต กลับจะมีส่วนน้อยที่ตรวจหาภูมิคุ้มกันไม่เจอ อาจจะต้องฉีดใหม่

ปัจจุบันไวรัสตับอักเสบบีไม่ใช่โรคที่น่ากลัว เรามียาที่ช่วยควบคุมท่าทีไปได้ตลอดคงอยู่แล้ว และถ้าตรวจร่างกายเดินเรื่อยๆ อาจพบค่าตับที่ปกติได้ อย่างไรก็ตามการเพิกเฉยต่อโรคนี้ ไม่เข้ารับการักษาอย่างจริงจัง เป็นเหตุให้พบผู้ป่วยเป็นโรคตับแข็ง และมะเร็งตับจากเชื้อที่ขยายของไวรัสตับอักเสบบีเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นอยากให้รักร่างกายของตัวเองให้มากขึ้นอีกนิด เพราะการมาหาหมอในระยะสุดท้าย มันจะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่หมอจะไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว แม้ว่าจะมีวิธีรักษาง่ายๆ แค่ทานยาก็ตาม

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเพจ ตับลำไส้ ใกล้หมอ ค่ะ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://health.sanook.com/5453/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : มะเร็งปากมดลูก

คอหวยออกหาเลขเด็ด สำรวจเลขมงคลเกลี้ยงแผงแทบไม่เหลือ

คอหวยออกหาเลขเด็ด สำรวจเลขมงคลเกลี้ยงแผงแทบไม่เหลือ

สำรวจแผงลอตเตอรี่เมืองโคราช ผู้คนออกยังตระเวนตามหาซื้อเลขมงคลเกี่ยวกับในหลวง รัชกาล เจ้าของแผงบอกขายเกลี้ยงวันแรกๆ

ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครราชสีมารายงานว่า บรรยากาศบริเวณถนนจอมพล ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา ถนนที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งซื้อขายลอตเตอรี่แห่งใหญ่ของเมืองโคราช กอบด้วยเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายลอตเตอรี่ นำลอตเตอรี่มาแหมะจำหน่ายตามปกติ

จากการสำรวจพบว่ายังมีลูกค้าเดินทางมาหาซื้อสลากฯ ยังไม่คึกคักนัก มิเหมือนด้วยกันช่วงใกล้วันออกผล แต่สิ่งที่เจ้าของเกือบทุกแผงยืนยันและพูดเป็นเสียงเดียวกันคือ ช่วงนี้คอหวยทุกคนมักมาหาซื้อเลขที่เกี่ยวข้องกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีการคว้านซื้อไปกันจนเกลี้ยงแผง ตั้งแต่นำมาจำหน่ายในวันแรกๆ แล้ว

จากการสอบถาม นายจักรพงศ์ โชติณภาลัย หนึ่งในเจ้าของแผงขายลอตเตอรี่ ทูลว่า ตั้งแต่นำสลากงวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 มาวางขายในวันแรกๆ เลขมงคลที่เกี่ยวกับในหลวง รัชกาลที่ 9 ขายดีมาก คนแห่มาถามหาซื้อกันจำนวนมาก

เลขที่มีเรื่องต้องการ เช่น 70 07 89 98 รวมตลอดเลข 13 ทุกวันนี้ก็ยังลูกค้าเดินมาถึงมาในร้านก็จะถามหาเลขดังกล่าวก่อนแทบจะทุกคน ซึ่งทุกแผงสดแบบนี้เหมือนกันหมด หลายสัตว์ไม่ได้เลขมงคลตามที่ตั้งใจไว้ ก็เลือกที่จะซื้อเลขใกล้เคียงไปแทน ทำให้เลขอื่นๆ ที่เป็นตัวเลขใกล้เคียงกัน เช่น 88 99 97 79 71 17 ขายดียอมไปด้วย

ติดตามข่าวหวยได้ที่ http://news.sanook.com/2089102/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล

กระจ่าง มาดูกันว่า iPhone 8 ที่มีรอยบากด้านบนจะมีการแสดงผลเวลาและแบตเตอรี่อย่างไร

ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยข้อมูลการดีไซน์หลายส่วนของ iPhone 8 ตั้งแต่หน้าตาตัวเครื่องที่มีรอยบากด้านบนรวมถึงการใช้งานเมื่อไม่มีปุ่มโฮม ล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพหน้าตาการแสดงผลบริเวณรอยบากมาเพิ่มเติมอีกด้วย

1433873-thumbnail

นักพัฒนา Guilherme Rambo ได้เผยแพร่ภาพและคลิปการแสดงผลหน้าจอของ  ในส่วนที่เป็นรอยบากด้านบนที่หลายๆ คนสงสัยมานานว่ามันจะแสดงผลอย่างไรหากมีอะไรกั้นตรงกลาง โดยด้านซ้ายจะแสดงเวลา ส่วนด้านขวาจะแสดงตำแหน่ง Wi-Fi, แบตเตอรี่ และสัญญาณโทรศัพท์ครับ

ในส่วนของคลิปนั้น Rambo ได้เผยแพร่ทางทวิตเตอร์ส่วนตัวของตนดังภาพด้านล่าง ซึ่งสัญลักษณ์บนส่วนแสดงผลนั้นจะมีการย่อ/ขยายเมื่อมีสัญลักษณ์อื่นๆ เข้ามามากขึ้นด้วย

There’s a nice little animation when you connect it to power pic.twitter.com/GFimRxbCAm

— Guilherme Rambo (@_inside) September 9, 2017

//platform.twitter.com/widgets.js

นอกจากนี้ Steven Troughton-Smith นักพัฒนาอีกคนยังได้เผยแพร่ภาพสเตตัสบาร์เช่นเดียวกัน โดยเป็นตัวอย่างเมื่ออุปกรณ์กำลังบันทึกหน้าจอหรือมีสายเรียกเข้า จะมีสีแสดงตรงส่วนของเวลาครับ

Here’s what the ‘double height’ statusbar looks like — screen recording, or in-call. The ears are interactive pic.twitter.com/bdacrEYMCw

— Steve T-S (@stroughtonsmith) September 9, 2017

//platform.twitter.com/widgets.js

งานนี้ก็เรียกว่าหลุดออกมาซะเกือบหมดเปลือก อีกหนึ่งอย่างที่น่าลุ้นก็คือเรื่องราคานั่นเองครับ

อ่านเพิ่มเติมที่ http://hitech.sanook.com/1433873/

 

วันมาฆบูชา ประวัติวันมาฆบูชา

วันมาฆบูชาวันมาฆบูชาความหมายวันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา หมายถึง การบูชา ในวันเพ็ญเดือน ๓ เนื่องในโอกาสคล้าย วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์

ความสำคัญวันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ มีเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมิได้นัดหมายกันพระสงฆ์ ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์

ผู้ได้อภิญญา ๖และเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจากพระพุทธเจ้า ในวันนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นทั้งหลักการอุดมการณ์และวิธีการปฏิบัติที่ นำไปใช้ได้ทุกสังคม มีเนื้อหา โดยสรุปคือให้ละความชั่วทุกชนิด ทำความดี ให้ถึงพร้อมและทำจิตใจให้ผ่องใส

ประวัติความเป็นมาวันมาฆบูชา

๑. ส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๙ เดือนขณะนั้นเมื่อเสร็จพุทธกิจแสดงธรรมที่ถ้ำสุกรขาตาแล้ว เสด็จมาประทับที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะหรือเดือน ๓ในเวลาบ่ายพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้า มาประชุม พร้อมกัน ณ ที่ประทับของพระพุทธเจ้า นับเป็นเหตุอัศจรรย์ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ ๔ ประการ เรียกว่าว่า วันจาตุรงคสันนิบาต

คำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" แยกศัพท์ได้ดังนี้ คือ

"จาตุร" แปลว่า ๔ 
"องค์" แปลว่า ส่วน 
"สันนิบาต" แปลว่า ประชุม 
ฉะนั้นจาตุรงคสันนิบาตจึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ ๔" กล่าวคือมีเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ คือ

1. เป็นวันที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันที่เวฬุวันวิหารในกรุงราชคฤห์ โดยมิได้นัดหมาย

2. พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น

3. พระภิกษุสงฆ์ทุกองค์ที่ได้มาประชุมในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นผุ้ได้บรรลุพระอรหันต์แล้วทุก ๆองค์

4. เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงกำลังเสวยมาฆฤกษ

ประวัติวันมาฆบูชา

มูลเหตุ

หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 และได้ทรงประกาศพระศาสนาและส่งพระอรหันตสาวกออกไปจาริกเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนายังสถานที่ต่าง ๆ ล่วงแล้วได้ 9 เดือน ในวันที่ใกล้พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3) พระอรหันต์ทั้งหลายเหล่านั้นต่างได้ระลึกว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของศาสนาพราหมณ์ อันเป็นศาสนาของตนอยู่เดิม ก่อนที่จะหันมานับถือพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า และในลัทธิศาสนาเดิมนั้นเมื่อถึงวันเพ็ญเดือนมาฆะ เหล่าผู้ศรัทธาพราหมณลัทธินิยมนับถือกันว่าวันนี้เป็นวันศิวาราตรี โดยจะทำการบูชาพระศิวะด้วยการลอยบาปหรือล้างบาปด้วยน้ำ แต่มาบัดนี้ตนได้เลิกลัทธิเดิมหันมานับถือพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าแล้ว จึงควรเดินทางไปเข้าเฝ้าบูชาฟังพระสัทธรรมจากพระพุทธเจ้า พระอรหันต์เหล่านั้นซึ่งเคยปฏิบัติศิวาราตรีอยู่เดิม จึงพร้อมใจกันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมาย

มีผู้กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้พระสาวกทั้ง 1,250 องค์มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย มาจากในวันเพ็ญเดือน 3 ตามคติพราหมณ์ เป็นวันพิธีศิวาราตรี พระสาวกเหล่านั้นซึ่งเคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อนจึงได้เปลี่ยนจากการรวมตัวกันทำพิธีชำระบาปตามพิธีพราหมณ์ มารวมกันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแทน

วันมาฆบูชาโอวาทปาฏิโมกข์ 

หลักคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา หรือคำสอนอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพุทธพจน์ ๓ คาถากึ่ง ที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป ผู้ไปประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ พระเวฬุวนาราม ในวันเพ็ญเดือน ๓ ที่เราเรียกกันว่าวันมาฆบูชา (ถรรถกถากล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์นี้ แก่ที่ประชุมสงฆ์ตลอดมา เป็นเวลา ๒๐ พรรษา ก่อนที่จะโปรดให้สวดปาฏิโมกข์อย่างปัจจุบันนี้แทนต่อมา), คาถาโอวาทปาฏิโมกข์ มีดังนี้ (โอวาทปาติโมกข์ ก็เขียน)

สพฺพปาปสฺส อกรณํกุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํเอตํ พุทธาน สาสนํฯ
ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี
สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโตฯ
อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกฺเข จ สํวโร
มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญฺจ สยนาสนํ
อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธาน สาสนํฯ

แปล : การไม่ทำความชั่วทั้งปวง ๑ การบำเพ็ญแต่ความดี ๑ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขันติ คือความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง, พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่านิพพาน เป็นบรมธรรม, ผู้ทำร้ายคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต,ผู้เบียดเบียนคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะการไม่กล่าวร้าย ๑ การไม่ทำร้าย ๑ ความสำรวมในปาฏิโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร ๑ ที่นั่งนอนอันสงัด ๑ ความเพียรในอธิจิต ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่เข้าใจกันโดยทั่วไป และจำกันได้มาก ก็คือ ความในคาถาแรกที่ว่า ไม่ทำชั่ว ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ผ่องใส


สถานที่สำคัญเนื่องด้วยวันมาฆบูชา (พุทธสังเวชนียสถาน)

พระพุทธรูปยืนกลางมณฑลมหาสังฆสันนิบาต ในโบราณสถานวัดเวฬุวันมหาวิหาร เมืองราชคฤห์ รัฐพิหาร อินเดีย (เป็นพระพุทธรูปสร้างใหม่ ปัจจุบันเป็นสถานที่จาริกแสวงบุญสำคัญของชาวพุทธทั่วโลก)เหตุการณ์สำคัญที่เกิดในวันมาฆบูชา เกิดภายในบริเวณที่ตั้งของ "กลุ่มพุทธสถานโบราณวัดเวฬุวันมหาวิหาร" ภายในอาณาบริเวณของวัดเวฬุวันมหาวิหาร ซึ่งลานจาตุรงคสันนิบาตอันเป็นจุดที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในวันมาฆบูชานั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียงและหาข้อสรุปทางโบราณคดีไม่ได้มาจนถึงปัจจุบัน

วัดเวฬุวันมหาวิหาร
"วัดเวฬุวันมหาวิหาร" เป็นอาราม (วัด) แห่งแรกในพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ใกล้เชิงเขาเวภารบรรพต บนริมฝั่งแม่น้ำสรัสวดีซึ่งมีตโปธาราม (บ่อน้ำร้อนโบราณ) คั่นอยู่ระหว่างกลาง นอกเขตกำแพงเมืองเก่าราชคฤห์ (อดีตเมืองหลวงของแคว้นมคธ) รัฐพิหาร ประเทศอินเดียในปัจจุบัน (หรือ แคว้นมคธ ชมพูทวีป ในสมัยพุทธกาล)

วันมาฆบูชาวัดเวฬุวันในสมัยพุทธกาล

เดิมวัดเวฬุวันเป็นพระราชอุทยานสำหรับเสด็จพระพาสของพระเจ้าพิมพิสาร เป็นสวนป่าไผ่ร่มรื่นมีรั้วรอบและกำแพงเข้าออก เวฬุวันมีอีกชื่อหนึ่งปรากฏในพระสูตรว่า "พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน"หรือ "เวฬุวันกลันทกนิวาป" (สวนป่าไผ่สถานที่สำหรับให้เหยื่อแก่กระแต) พระเจ้าพิมพิสารได้ถวายพระราชอุทยานแห่งนี้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาหลังจากได้สดับพระธรรมเทศนาอนุปุพพิกถาและจตุราริยสัจจ์ ณ พระราชอุทยานลัฏฐิวัน (พระราชอุทยานสวนตาลหนุ่ม) โดยในครั้งนั้นพระองค์ได้บรรลุพระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา และหลังจากการถวายกลันทกนิวาปสถานไม่นาน อารามแห่งนี้ก็ได้ใช้เป็นสถานที่สำหรับพระสงฆ์ประชุมจาตุรงคสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา อันเป็นเหตุการณ์สำคัญในวันมาฆบูชา

วัดเวฬุวันหลังการปรินิพพาน

หลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน วัดเวฬุวันได้รับการดูแลมาตลอด โดยเฉพาะมูลคันธกุฎีที่มีพระสงฆ์เฝ้าดูแลทำการปัดกวาดเช็ดถูปูลาดอาสนะและปฏิบัติต่อสถานที่ ๆ พระพุทธเจ้าเคยประทับอยู่ทุก ๆ แห่ง เหมือนสมัยที่พระพุทธองค์ทรงพระชนมชีพอยู่มิได้ขาด โดยมีการปฏิบัติเช่นนี้ติดต่อกันกว่าพันปี

แต่จากเหตุการณ์ย้ายเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธหลายครั้งในช่วง พ.ศ. 70 ที่เริ่มจากอำมาตย์และราษฎรพร้อมใจกันถอดกษัตริย์นาคทัสสก์แห่งราชวงศ์ของพระเจ้าพิมพิสารออกจากพระราชบัลลังก์ และยกสุสูนาคอำมาตย์ซึ่งมีเชื้อสายเจ้าลิจฉวีในกรุงเวสาลีแห่งแคว้นวัชชีเก่า ให้เป็นกษัตริย์ตั้งราชวงศ์ใหม่แล้ว พระเจ้าสุสูนาคจึงได้ทำการย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธไปยังเมืองเวสาลีอันเป็นเมืองเดิมของตน และกษัตริย์พระองค์ต่อมาคือพระเจ้ากาลาโศกราช ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุสูนาค ได้ย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธอีก จากเมืองเวสาลีไปยังเมืองปาตลีบุตร ทำให้เมืองราชคฤห์ถูกลดความสำคัญลงและถูกทิ้งร้าง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้วัดเวฬุวันขาดผู้อุปถัมภ์และถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิงในช่วงพันปีถัดมา

โดยปรากฏหลักฐานบันทึกของหลวงจีนฟาเหียน (Fa-hsien) ที่ได้เข้ามาสืบศาสนาในพุทธภูมิในช่วงปี พ.ศ. 942 - 947 ในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ ๒ (พระเจ้าวิกรมาทิตย์) แห่งราชวงศ์คุปตะ ซึ่งท่านได้บันทึกไว้ว่า เมืองราชคฤห์อยู่ในสภาพปรักหักพัง แต่ยังทันได้เห็นมูลคันธกุฎีวัดเวฬุวันปรากฏอยู่ และยังคงมีพระภิกษุหลายรูปช่วยกันดูแลรักษาปัดกวาดอยู่เป็นประจำ แต่ไม่ปรากฏว่ามีการบันทึกถึงสถานที่เกิดเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาตแต่ประการใด

แต่หลังจากนั้นประมาณ 200 ปี วัดเวฬุวันก็ถูกทิ้งร้างไป ตามบันทึกของพระถังซำจั๋ง (Chinese traveler Hiuen-Tsang) ซึ่งได้จาริกมาเมืองราชคฤห์ราวปี พ.ศ. 1300 ซึ่งท่านบันทึกไว้แต่เพียงว่า ท่านได้เห็นแต่เพียงซากมูลคันธกุฎีซึ่งมีกำแพงและอิฐล้อมรอบอยู่เท่านั้น (ในสมัยนั้นเมืองราชคฤห์โรยราถึงที่สุดแล้ว พระถังซำจั๋งได้แต่เพียงจดตำแหน่งที่ตั้งทิศทางระยะทางของสถูปและโบราณสถานเก่าแก่อื่น ๆ ในเมืองราชคฤห์ไว้มาก ทำให้เป็นประโยชน์แก่นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีในการค้นหาโบราณสถานต่าง ๆ ในเมืองราชคฤห์ในปัจจุบัน)


จุดแสวงบุญและสภาพของวัดเวฬุวันในปัจจุบัน

ปัจจุบันหลังถูกทอดทิ้งเป็นเวลากว่าพันปี และได้รับการบูรณะโดยกองโบราณคดีอินเดียในช่วงที่อินเดียยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ วัดเวฬุวัน ยังคงมีเนินดินโบราณสถานที่ยังไม่ได้ขุดค้นอีกมาก สถานที่สำคัญ ๆ ที่พุทธศาสนิกชนในปัจจุบันนิยมไปนมัสการคือ "พระมูลคันธกุฎี" ที่ปัจจุบันยังไม่ได้ทำการขุดค้น เนื่องจากมีกุโบร์ของชาวมุสลิมสร้างทับไว้ข้างบนเนินดิน, "สระกลันทกนิวาป" ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้ทำการบูรณะใหม่อย่างสวยงาม, และ "ลานจาตุรงคสันนิบาต" อันเป็นลานเล็ก ๆ มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางประทานพรอยู่กลางซุ้ม ลานนี้เป็นจุดสำคัญที่ชาวพุทธนิยมมาทำการเวียนเทียนสักการะ (ลานนี้เป็นลานที่กองโบราณคดีอินเดียสันนิษฐานว่าพระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ในจุดนี้)


จุดที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในวันมาฆบูชา (ลานจาตุรงคสันนิบาต)

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาตจะเป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่งที่เกิดในบริเวณวัดเวฬุวันมหาวิหาร แต่ทว่าไม่ปรากฏรายละเอียดในบันทึกของสมณทูตชาวจีนและในพระไตรปิฎกแต่อย่างใดว่าเหตุการณ์ใหญ่นี้เกิดขึ้น ณ จุดใดของวัดเวฬุวัน รวมทั้งจากการขุดค้นทางโบราณคดีก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการทำเครื่องหมาย (เสาหิน) หรือสถูประบุสถานที่ประชุมจาตุรงคสันนิบาตไว้แต่อย่างใด (ตามปกติแล้วบริเวณที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา มักจะพบสถูปโบราณหรือเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างหรือปักไว้เพื่อเป็นเครื่องหมายสำคัญสำหรับผู้แสวงบุญ) ทำให้ในปัจจุบันไม่สามารถทราบโดยแน่ชัดว่าเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาตเกิดขึ้นในจุดใดของวัด

ในปัจจุบันกองโบราณคดีอินเดียได้แต่เพียงสันนิษฐานว่า "เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในบริเวณลานด้านทิศตะวันตกของสระกลันทกนิวาป" (โดยสันนิษฐานเอาจากเอกสารหลักฐานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีพระสงฆ์ประชุมกันมากถึงสองพันกว่ารูป และเกิดในช่วงที่พระพุทธองค์พึ่งได้ทรงรับถวายอารามแห่งนี้ การประชุมครั้งนั้นคงยังต้องนั่งประชุมกันตามลานในป่าไผ่ เนื่องจากเสนาสนะหรือโรงธรรมสภาขนาดใหญ่ยังคงไม่ได้สร้างขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันลานด้านทิศตะวันตกของสระกลันทกนิวาป เป็นลานกว้างลานเดียวในบริเวณวัดที่ไม่มีโบราณสถานอื่นตั้งอยู่) โดยได้นำพระพุทธรูปยืนปางประทานพรไปประดิษฐานไว้บริเวณซุ้มเล็ก ๆ กลางลาน และเรียกว่า "ลานจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าลานจาตุรงคสันนิบาตที่แท้จริงอยู่ในจุดใด และยังคงมีชาวพุทธบางกลุ่มสร้างซุ้มพระพุทธรูปไว้ในบริเวณอื่นของวัดโดยเชื่อว่าจุดที่ตนสร้างนั้นเป็นลานจาตุรงคสันนิบาตที่แท้จริง แต่พุทธศาสนิกชนชาวไทยส่วนใหญ่ก็เชื่อตามข้อสันนิษฐานของกองโบราณคดีอินเดียดังกล่าว โดยนิยมนับถือกันว่าซุ้มพระพุทธรูปกลางลานนี้เป็นจุดสักการะของชาวไทยผู้มาแสวงบุญจุดสำคัญ 1 ใน 2 แห่งของเมืองราชคฤห์ (อีกจุดหนึ่งคือพระมูลคันธกุฎีบนยอดเขาคิชกูฏ)

 กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา

 การปฎิบัติตนสำหรับพุทธศาสนาในวันนี้ก็คือ การทำบุญ ตักบาตรในตอนเช้า หรือไม่ก็จัดหาอาหารคาวหวานไปทำบุญฟังเทศน์ที่วัด ตอนบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา ในตอนกลางคืน จะพากันนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปที่วัดเพื่อชุมนุมกันทำพิธีเวียนเทียน รอบพระอุโบสถ พร้อมกับพระภิกษุสงฆ์โดยเจ้าอาวาสจะนำว่า นะโม ๓ จบ จากนั้นกล่าวคำ ถวาย ดอกไม้ธูปเทียน ทุกคนว่าตาม จบแล้วเดิน เวียนขวา ตลอดเวลาให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จนครบ ๓ รอบ แล้วนำดอกไม้ ธูปเทียนไปปักบูชาตามที่ทางวัด เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จพิธี

ขอบคุณข้อมูลวันมาฆบูชาจาก : dhammathai.org,วิกิพีเดีย

 

การถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย

พิธีวันมาฆบูชานี้ เดิมทีเดียวในประเทศไทยไม่เคยทำมาก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอธิบายไว้ว่าเกิดขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยทรงถือตามแบบของโบราณบัณฑิตที่ได้นิยมกันว่า วันมาฆะบูรณมี พระจันทร์เสวยฤกษ์มาฆะเต็มบริบูรณ์เป็นวันที่พระอรหันต์สาวกของ พระพุทธเจ้า ๑,๒๕๐ รูป ได้ประชุมกันพร้อมด้วยองค์ ๔ ประการ เรียกว่า

จาตุรงคสันนิบาตพระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เป็นการ ประชุมใหญ่ และเป็นการอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา นักปราชญ์ จึงถือเอาเหตุนั้นประกอบ การสักการบูชาพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวก ๑,๒๕๐ รูปนั้น ให้เป็นที่ตั้งแห่งความ เลื่อมใสการประกอบพิธีมาฆะบูชา ได้เริ่มในพระบรมมหาราชวังก่อน

ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีพิธีการพระราชกุศลในเวลาเช้า พระสงฆ์ วัดบวรนิเวศวิหารและ วัดราชประดิษฐ์ ๓๐ รูป ฉันในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาค่ำ เสด็จออกทรงจุด ธูปเทียนเครื่อง มนัสการแล้ว พระสงฆ์สวดทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว สวดมนต์ต่อไปมี สวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ด้วยสวดมนต์ จบทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ ๑,๒๕๐ เล่ม มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนา โอวาทปาติโมกข์
๑ กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลีและ ภาษาไทย เครื่องกัณฑ์ มีจีวรเนื้อดี ๑ ผืน เงิน ๓ ตำลึง และขนมต่าง ๆ เทศนาจบพระสงฆ์ ซึ่งสวดมนต์ ๓๐ รูป สวดรับการประกอบพระราชกุศลเกี่ยวกับ วันมาฆบูชาในสมัยรัชกาลที่ ๔ นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปีมิได้ขาด สมัยต่อมามีการเว้นบ้าง เช่น รัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จออกเองบ้าง มิได้ เสด็จออกเองบ้างเพราะมักเป็นเวลาที่ประสบกับเวลาเสด็จประพาส หัวเมืองบ่อย ๆ หากถูกคราวเสด็จไปประพาสบางปะอินหรือพระพุทธบาท พระพุทธฉาย พระปฐมเจดีย์ พระแท่นดงรัง ก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชา ในสถานที่นั้น ๆ ขึ้นอีก ส่วนหนึ่งต่างหากจากในพระบรมมหาราชวังเดิมทีมีการประกอบพิธีในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาก็ขยายออกไป ให้พุทธบริษัทได้ ปฏิบัติตามอย่างเป็นระบบสืบมาจนปัจจุบัน มีการบูชา ด้วยการเวียนเทียน และบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ส่วนกำหนดวันประกอบพิธีมาฆบูชานั้น ปกติตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๓ หากปีใด เป็นอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหนจะเลื่อนไปตรงกับวันเพ็ญเดือน ๔

หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ

หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติได้แก่ โอวาทปาติโมกข์ หมายถึง หลักคำสอนคำสำคัญของพระพุทธศาสนาอันเป็นไปเพื่อป้องกัน และแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตเป็นไปเพื่อความหลุดพ้น หรือคำสอน อันเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ วิธีการ ๖ ดังนี้

หลักการ ๓
๑. การไม่ทำบาปทั้งปวง ได้แก่การงดเว้น การลด ละเลิก ทำบาปทั้งปวง ซึ่งได้แก่ อกุศลกรรมบถ ๑๐ ทางแห่งความชั่ว มีสิบประการ อันเป็น
ความชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจ ความชั่วทางกาย ได้แก่ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติ ผิดในกาม
ความชั่วทางวาจา ได้แก่ การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ 
ความชั่วทางใจ ได้แก่ การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม

๒. การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การทำความดีทุกอย่างซึ่งได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นแบบของการทำฝ่ายดีมี ๑๐ อย่าง อันเป็นความดีทางกาย ทางวาจาและทางใจ

ความดีทางกาย ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่นมีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการไม่ประพฤติผิดในกาม
การทำความดีทางวาจา ได้แก่ การไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อพูดแต่คำจริง พูดคำอ่อนหวานพูดคำให้เกิดความสามัคคีและพูดถูกกาลเทศะ
การทำความดีทางใจ ได้แก่ การไม่โลภอยากได้ของของผู้อื่นมีแต่คิดเสียสละ การไม่ผูกอาฆาตพยาบาทมีแต่คิดเมตตาและ ปราถนาดีและมีความเห็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
๓. การทำจิตให้ผ่องใส ได้แก่ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ปราศจากนวรณ์ซึ่งเป็นเครื่องขัดขวางจิตไม่ให้เข้าถึงความสงบ มี ๕ ประการ ได้แก่
๑. ความพอใจในกาม (กามฉันทะ)
๒. ความอาฆาตพยาบาท (พยาบาท)
๓. ความหดหู่ท้อแท้ ง่วงเหงาหาวนอน (ถีนะมิทธะ)
๔. ความฟุ้งซ่าน รำคาญ (อุทธัจจะกุกกุจจะ) และ

๕. ความลังเลสงสัย (วิกิจฉา) เช่น สงสัยในการทำความดีความชั่ว ว่ามีผลจริงหรือไม่ วิธีการทำจิตให้ปฏิบัติสมถะผ่องใส ที่แท้จริงเกิดขึ้นจากการละบาปทั้งปวง ด้วยการถือศืลและบำเพ็ญกุศล ให้ถึงพร้อมด้วยการ และวิปัสสนา จนได้บรรลุอรหัตผล อันเป็นความผ่องใสที่แท้จริง

อุดมการณ์ ๔
๑. ความอดทน ได้แก่ ความอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งทางกาย วาจา ใจ
๒. ความไม่เบียดเบียน ได้แก่ การงดเว้นจากการทำร้าย รบกวน หรือ เบียดเบียนผู้อื่น
๓. ความสงบ ได้แก่ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ
๔. นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้จาการดำเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘

วิธีการ ๖
๑. ไม่ว่าร้าย ได้แก่ ไม่กล่าวให้ร้ายหรือ กล่าวโจมตีใคร
๒. ไม่ทำร้าย ได้แก่ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
๓. สำรวมในปาติโมกข์ ได้แก่ ความเคารพระเบียบวินัย กฎกติกา กฎหมาย รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของสังคม
๔. รู้จักประมาณ ได้แก่ รู้จักความพอดีในการบริโภคอาหารหรือการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ
๕. อยู่ในสถานที่ที่สงัด ได้แก่ อยู่ในสถานที่สงบมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
๖. ฝึกหัดจิตใจให้สงบ ได้แก่ฝึกหัดชำระจิตให้สงบมีสุขภาพคุณภาพและประสิทธิ
ภาพที่ดี

 

ปฏิทินวันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา พ.ศ.2552 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 / วันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีชวด
วันมาฆบูชา พ.ศ.2553 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 / วันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีฉลู
วันมาฆบูชา พ.ศ.2554 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 / วันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีขาล
วันมาฆบูชา พ.ศ.2555 ตรงกับ วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2555 / วันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีเถาะ
วันมาฆบูชา พ.ศ.2556 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2556 / วันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีมะโรง
วันมาฆบูชา พ.ศ.2557 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 / วันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีมะเส็ง
วันมาฆบูชา พ.ศ.2558 ตรงกับ วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2558 / วันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีมะเมีย
วันมาฆบูชา พ.ศ.2559 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 / วันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีมะแม
วันมาฆบูชา พ.ศ.2560 ตรงกับ วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 / วันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีวอก
วันมาฆบูชา พ.ศ.2561 ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2561 / วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีระกา
วันมาฆบูชา พ.ศ.2562 ตรงกับ วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 / วันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีจอ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://campus.sanook.com/910849/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าวด่วน

ดวงสมพงษ์ ของชาว ราศีพฤษภ กับ ราศีธนู โดยอาจารย์ลี่

<img src="http://p1.s1sf.com/ho/0/ud/24/122445/12.jpg"><br>

เมื่อชาวพฤษภกับชาวธนูตกหลุมรักกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะร้อนแรงอย่างเปล่าน่าเชื่อ แต่คุณสองคนจะต้องให้เวลาในการเรียนรู้กันและกัน ชาวพฤษภพอใจกับกิจวัตรและวิถีชีวิตแบบเดิมๆที่ให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย ในขณะที่ชาวธนูมีความสุขกับการออกไปค้นหาสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สถานที่ อาหาร และอื่นๆ ในช่วงแรกชาวพฤษภอาจจะเรียกร้องงานผูกมัดในระดับที่มากกว่าที่ชาวธนูพร้อมจะให้ แต่ถ้าชาวพฤษภเรียนรู้ที่จะอดทนรออีกซักหน่อย สุดท้ายชาวธนูก็จะมอบใจให้คุณ

ระดับความเป็นคู่แท้

 

ชาวพฤษภกับชาวธนูมีวิถีชีวิตแตกต่างกัน ชาวพฤษภนั้นเงียบขรึมพร้อมทั้งเป็นงานเป็นการ ในขณะที่ชาวธนูว้าวุ่นไม่หยุดหย่อน ชาวธนูอาจรู้สึกไม่พอใจเข้ากับความนิ่งของชาวพฤษภและพยายามกระตุ้น ซึ่งก็ได้ผลน้อยนิดพอๆกับการพยายามดันก้นวัวเฒ่าส่งให้ออกเดิน แต่กลับไม่ว่าอย่างไร ชาวธนูก็สามารถนำความสนุกสนานและการผจญภัยมาสู่ชีวิตของชาวพฤษภได้

ราศีพฤษภได้มารับอิทธิพลจากดาวศุกร์ (ความรัก) ส่วนราศีธนูหาได้รับอิทธิพลจากดาวพฤหัส (โชคลาภ) ดาวศุกร์ส่งผลให้ชาวพฤษภรักความสวยงามหรูหราและปรารถนาที่จะได้รับความรู้สึกดีๆ ในขณะที่ดาวพฤหัสคือปรัชญา การเรียนรู้ การมองโลกในแง่ดี โชคลาภ และการเดินทาง การผสมผสานกันระหว่างพลังหยางกับพลังหยินทำให้คุณทั้งคู่ต่างยอมรับและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

ราศีพฤษภเป็นธาตุดิน ส่วนราศีธนูเป็นธาตุไฟ ชาวธนูต้องการพื้นที่ในการฉายความเจิดจรัสของตัวเองในขณะที่ชาวพฤษภต้องการความมั่นคง ชาวธนูใช้ความรู้สึกนำทางในขณะที่ชาวพฤษภเอาจริงเอาจังและคำนึงถึงประสิทธิผล ความแตกต่างนี้อาจเป็นได้ทั้งสิ่งเติมเต็มและความตึงเครียดหากทั้งสองฝ่ายไม่เรียนรู้ที่จะเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกัน ตราบใดแดนทั้งคู่ยังคงทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมั่นใจว่าความสัมพันธ์นี้พิเศษและสำคัญ (โดยเฉพาะชาวพฤษภจะต้องการมาก) ทุกอย่างก็จะไปได้สวย

ชาวพฤษภเป็นคนดื้อรั้น ลงดุตัดสินใจอะไรจากไปแล้วจะเปลี่ยนยากมาก ในขณะที่ชาวธนูชอบความหลากหลาย จะสนใจทุกสิ่งที่เข้ามาให้เรียนรู้ ชาวพฤษภไม่ทนกับการถูกนอกใจ โดยจะเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งหากถูกนอกใจ และก็ไม่อาจสานต่อความสัมพันธ์ได้ แต่ถึงกระนั้นชาวพฤษภก็ให้อิสระกับชาวธนูในการคบหาคนใหม่ๆ ซึ่งก็ต้องอยู่แค่ในระดับที่ชาวพฤษภรับได้เท่านั้น ชาวพฤษภสอนให้ชาวธนูเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ที่มั่นคง ในขณะที่ชาวธนูก็ชี้ให้ชาวพฤษภเห็นว่าบางครั้งความยืดหยุ่นก็ดีกว่าการเดินตรงเผงไปติดตามเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ สิ่งที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างชาวพฤษภกับชาวธนูคือมุมมองใหม่ๆที่ต่างคนต่างมอบให้กัน ความสัมพันธ์ถิ่นที่มั่นคงและมีความสุขจะเกิดขึ้นเมื่อคุณทั้งคู่ยอมรับซึ่งกันและกัน

อ่านเพิ่มเติม http://horoscope.sanook.com/play/lovematching/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : sanookhoro ดูดวงสมพงษ์

Nokia บอกใบ้มือถือเรือธงรุ่นปริศนา คาดเป็น Nokia 9 จ่อมาพร้อมสเปกครบเครื่องกว่า

 (โนเกีย 9) อัปเดตสเปก ราคา วันเปิดตัวล่าสุด : Nokia บอกใบ้มือถือเรือธงรุ่นปริศนา คาดเป็น Nokia 9 จ่อมาพร้อมสเปกครบเครื่องกว่า ทั้งหน้าจอใหญ่, RAM 8 GB, รองรับเซ็นเซอร์สแกนม่านตา และกันน้ำ IP68

หลังจากที่ทาง HMD Global ผู้ผลิตและวางจำหน่าย มือถือโนเกีย ได้เปิดตัว Nokia 8 มือถือเรือธงรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันก่อน ล่าสุด ก็มีความเคลื่อนไหวของ มือถือเรือธงอีกรุ่น เผยออกมาแล้ว ซึ่งผู้ที่บอกใบ้ความลับดังกล่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น HMD Global นั่นเอง

โดยในระหว่างงานเปิดตัว Nokia 8 ทาง HMD Global เผยว่า ยังมีสมาร์ทโฟนอีกรุ่น ซึ่งมีหน้าจอขนาดใหญ่กว่า Nokia 8 อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา ถึงแม้ทาง HMD จะไม่เผยว่า สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวคือรุ่นใด แต่คาดกันว่าน่าจะหมายถึง Nokia 9

1

 

ถึงแม้ว่าในตอนนี้ จะยังไม่มีรายละเอียดของ Nokia 9 ออกมามากนัก แต่จากภาพหลุดดีไซน์ Nokia 9 ซึ่งเป็นภาพร่างนั้น เผยให้เห็นว่า ตัวเครื่องน่าจะเป็นแบบจอไร้ขอบ และตัดปุ่ม Home ทิ้งไป ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ย้ายไปอยู่ด้านหลังตัวเครื่อง โดยรวมแล้วคล้ายกับ Samsung Galaxy S8 และพลิกโฉมไปจากดีไซน์ของ Nokia 8 อย่างสิ้นเชิง

2

ภาพคอนเซปท์ Nokia 9

สำหรับสเปกของ Nokia 9 นั้น เบื้องต้นคาดว่า จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 835, หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB หรือ 8 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 128 GB, รองรับเซ็นเซอร์สแกนม่านตา และกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68

ด้านราคา Nokia 9 จะสูงกว่า Nokia 8 เช่นกัน คาดว่าจะอยู่ที่ 749 ยูโร หรือราว ๆ 29,000 บาท (Nokia 8 ราคา 599 ยูโร หรือราว ๆ 24,500 บาท) ส่วนกำหนดการเปิดตัว ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเผยออกมา แต่คาดว่า น่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้ - gsmarena.com

รวมเรื่องราว nokia 8 ที่นี่ คลิ๊ก!!!

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://hitech.sanook.com/1432193/

10 ทรงผมยอดฮิต วิธีมัดผม มัดๆ มวยๆ สวยเก๋ทุกสถานการณ์

10 ทรงผมยอดฮิต วิธีมัดผม มัดๆ มวยๆ สวยเก๋ทุกสถานการณ์

10 ทรงผมยอดฮิต วิธีมัดผม มัดๆ มวยๆ สวยเก๋ทุกสถานการณ์

วิธีมัดผม

หากคุณเบื่อกับ "ทรงผมตรง ยาว" ในแบบเดิมๆ วันนี้ Sanook! Women ขอพาไปทำผมสวย กับ "ทรงผมยอดฮิต" ที่อยู่แค่ มัดๆ มวยๆ ก็วิจิตรเก๋ได้ทุกสถานการณ์กันผ่านพ้นค่ะ

"เรื่องของผม" สดอีกหนึ่งปัญหาของคุณผู้หญิงผมยาว ที่ดินมักกังวลกันไปต่างๆ นานา ว่าจะทำผมทรงอะไรดี ไปงานนู้น ชิคงานนี้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว คุณผู้หญิงผมยาวมีร้อยแปดพันทรงผมอุปถัมภ์เลือกทำมากมาย เพียงแต่คุณยังไม่ได้ลองลงมือทำกันเท่านั้นเองจริงไหมคะ

วันนี้ Sanook! Women จึงขอพาคุณมาทำสวยสำหรับตัวเอง กับ 10 ทรงผม มัดๆ มวยๆ ยอดฮิต ที่คุณสามารถทำสวยได้ในทุกสถานที่ และในทุกโอกาส แบบประหยัด ไม่ต้องเข้าร้านเสริมสวยให้เปลือง พร้อมแล้วมาเริ่มทำ "ทรงผม" ให้พร้อมสวยกัน

เริ่มกันที่ 5 แบบ "มวยผม" ยอดฮิตกันก่อน

แบบ มวยผม ทรงที่ 1

ทรงผมยอดฮิต


แบบ มวยผม ทรงที่ 2

ทรงผมยอดฮิต


แบบ มวยผม ทรงที่ 3

ทรงผมยอดฮิต

แบบ มวยผม ทรงที่ 4

แบบทรงผม


แบบ มวยผม ทรงที่ 5

แบบทรงผม

 

 

 

ต่อกันที่ 5 แบบ "มัดผม" ยอดฮิตกันค่ะ

แบบ มัดผม ทรงที่ 1

แบบทรงผม


แบบ มัดผม ทรงที่ 2

แบบทรงผม

แบบ มัดผม ทรงที่ 3

แบบทรงผม

แบบ มัดผม ทรงที่ 4

แบบทรงผม

 

แบบ มัดผม ทรงที่ 5

แบบทรงผม


Sanook! Women นำ "แบบทรงผม" มาให้เลือกจุใจ ขนาดนี้ คุณสาวๆ อย่าลืมนำไปทำตามให้ครบทุกทรงนะคะ ครั้งหน้า เรา จะมี แบบผมเก๋ๆ แบบใด มาแนะนำอีก อย่าลืมติดตามต่อค่ะ ^^

ขอบคุณข้อมูลจาก http://women.sanook.com/28873/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : แต่งตัว

เปรียบเทียบ Nokia 8 และ Samsung Galaxy S8 เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากสองค่ายใหญ่

เปรียบเทียบ Nokia 8 และ Samsung Galaxy S8 เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากสองค่ายใหญ่

เปรียบเทียบ Nokia 8 และ Samsung Galaxy S8 เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากสองค่ายใหญ่

thaimobilecenter

สนับสนุนเนื้อหา

เปรียบเทียบ  และ Samsung Galaxy S8 เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากสองค่ายใหญ่ รุ่นใดฟีเจอร์ไฮเอนด์จัดเต็มครบครันกว่ากัน เรามีคำตอบ!

ในที่สุดก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วสำหรับ Nokia 8 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกภายใต้แบรนด์ Nokia หลังจากที่ปล่อยสมาร์ทโฟนระดับกลางอย่าง Nokia 6, Nokia 5 และ Nokia 3 รวมถึงฟีเจอร์รุ่นอื่นๆ มาทำตลาดก่อนตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่า Nokia 8 มาพร้อมกับความไฮเอนด์แบบครบครันในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอคมชัดระดับ 2K QHD, ชิปเซ็ต Snapdragon 835 และกล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) พร้อมเลนส์ Carl Zeiss ทั้งด้านหน้า และหลัง รวมถึงคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่น ก็รองรับใน Nokia 8 รุ่นใหม่นี้ด้วยเช่นเดียวกัน

สำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นที่ได้รับความสนใจจากทั้งสื่อ และผู้ใช้ทั่วโลกตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการจนกระทั่งขณะนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Samsung Galaxy S8 ที่มาพร้อมกับการพลิกโฉมดีไซน์หน้าจอไร้ขอบแบบใหม่ รวมถึงอัปเกรดฟีเจอร์ภายในขึ้นจากรุ่นก่อนในหลายด้าน รวมถึงรองรับผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Bixby และการสแกนม่านตา (Iris Scanner) ที่ช่วยยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้น

และด้วยความโดดเด่นแบบกินกันไม่ลงของทั้งสองรุ่นนี้ ทางทีมงาน Thaimobilecenter จึงได้นำ Nokia 8 และ Samsung Galaxy S8 มาทำการเปรียบเทียบฟีเจอร์ และคุณสมบัติเด่นให้ได้ชมกันแบบช็อตต่อช็อต ว่าทั้งสองรุ่นมีความโดดเด่นในด้านใดบ้าง และจะแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด หากพร้อมแล้วเชิญติดตามการเปรียบเทียบอย่างละเอียดที่ตารางด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ


untitled-2

 

เป็นยังไงบ้างคะสำหรับเพื่อการเปรียบเทียบสมาร์ทโฟนเรือธงที่ปีของสองค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการสมาร์ทโฟน จะเห็นได้ว่าแต่ว่าละรุ่นก็มาพร้อมฟีเจอร์ระดับท็อปอย่างครบครัน และมีความสะดุดตาในด้านที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน โดย Nokia 8 มากับจอขนาดกระชับที่ 5.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K Quad HD พร้อมขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 835 และก็มีหน่วยความจำแรม(RAM) ขนาด 4GB โดยมีปริมาตร 64GB ที่สามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD อีก 256GB และก็มีแบตเตอรี่ความจุ 3090 mAh พร้อม Fast Charge บนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat และรองรับ Google Assistant

Nokia 8 มาพร้อมกล้องถ่ายรูปคู่ (Dual-Camera) ที่ข้างหลังความละเอียด 13 13 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ Carl Zeiss อีกทั้งข้างหน้า-ด้านหลัง รองรับระบบคุ้มครองปกป้องภาพสั่นไหวแบบ OIS รวมทั้งกล้องหน้าความละเอียดเสมอกันที่ 13 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงสว่างกว้างสูงสุดที่ F/2.0 ซึ่งตัวเครื่องรองรับคุณลักษณะการปกป้องน้ำ แล้วก็ป้องกันฝุ่นที่ติดอยู่ตามมาตรฐาน IP57 รวมถึงเซ็นเซอร์สแกนลายพิมพ์นิ้วมือ (Fingerprint Scanner) รวมทั้งการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C ซึ่งราคาแพงเปิดตัวที่ 599 ยูโร (ประมาณ 23,500 บาท)

สำหรับ Samsung Galaxy S8 มีจุดเด่นในด้านการออกแบบรูปแบบใหม่ที่มีหน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบInfinity Display ขนาดใหญ่ขึ้นที่ 5.8 นิ้ว บนตัวเครื่องขนาดเท่ารุ่นเดิม พร้อมคมชัดระดับ 2K QHD รวมทั้งขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Exynos 8895 พร้อม RAM 4GB, ROM 64GB ที่สามารถเพิ่มการ์ด microSD ได้อีก 256GB บนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat โดยมีแบตเตอรี่ปริมาตร 3000 mAh พร้อมระบบ Fast Charge รวมทั้งรองรับปัญญาประดิษฐ์อย่าง Bixby

Samsung Galaxy S8 ใช้งานกล้องที่เอาไว้ถ่ายภาพแบบ 100% AF Dual Pixel ควมละเอียด 12 ล้านพิกเซลที่มีขนาดรูรับแสงสว่างกว้างสูงสุดที่ F/1.7 พร้อมรองรับระบบปกป้องภาพสั่นไหวแบบ OIS และก็กล้องถ่ายภาพหน้าสำหรับเซลฟี่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รวมทั้งรองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner), เซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner) และก็การเชื่อมต่อแบบ USB Type-C บนตัวเครื่องปกป้องน้ำ-คุ้มครองปกป้องฝุ่นที่ติดอยู่ตามมาตรฐาน IP68 ซึ่งสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ในราคา 27,900 บาท

อย่างไรก็แล้วแต่ นอกจากไปจากความสามารถการทำงาน และคุณสมบัติเด่นในด้านต่างๆแล้ว ความชื่นชอบ และก็รสนิยมส่วนตัวก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่สมควรมองข้ามสำหรับการเลือกซื้อมือถือสักเครื่องหนึ่ง ทั้งนี้ก็เลยขึ้นกับตัวผู้ใช้เองว่ามีความต้องการสมาร์ทโฟนที่สะดุดตาในด้านใด เพื่อตอบปัญหาการใช้แรงงานในไลฟ์สไตล์ของท่านได้ดิบได้ดีที่สุด ซึ่งถ้าว่าได้ตรวจสอบและลองใช้งานในเบื้องต้นแล้วกำเนิดความชอบใจในด้านการทำงาน, ออกแบบ และก็ราคา ก็ถือว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นมีค่าต่อการจับจองเป็นเจ้าของแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ทางทีมงานจะต้องขออำลาไปก่อน แล้วเจอกันได้ใหม่ในบทความหน้า สวัสดีจ้ะ

 

สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Nokia 8

สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy S8
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Samsung Galaxy S8
รีวิว (Review) Samsung Galaxy S8

 

รวมเรื่องราว nokia 8 ที่นี่ คลิ๊ก!!!

สนับสนุนเนื้อหา http://hitech.sanook.com/1432121/

วันอังคารที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ดวงสมพงษ์ของชาว ราศีเมษ กับ ราศีสิงห์ โดยอาจารย์ธนกร

ชาวราศีเมษ (ระหว่างวันที่ 22 มี.ค. ถึง 21 เม.ย.)

เป็นคนที่มีลักษณะนิสัยเป็นคนพูดตรงมาตรงไป ทำอะไรมักมีเป้าหมายเป็นคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว เป็นคนขยันชอบการปฏิบัติ เป็นคนที่มีความสร้างสรรค์ขยันอดทน รักความอิสระมั่นใจตนเองชอบความเด่นดัง อาชีพที่เหมาะกับชาวราศีเมษเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยการปฎิบัติเพราะเป็นคนขยันเหมาะในอาชีพที่จะจำเป็นจะต้องเดินทางบ่อยๆเช่นมัคคุเทศก์ อาชีพเซลล์ นักถ่ายทำสารคดี นักบิน ทางด้านความรักมีความโรแมนติกชอบความเป็นส่วนตัวอยู่บ้างแต่ถ้าหากพบคู่ของเจ้าชะตาแล้ว ก็อยากให้เพื่อนญาติหรือสังคมได้รับรู้ว่าเจ้าชะตาได้พบคู่พบกับคนที่ถูกใจแล้ว

 

ชาวราศีสิงห์ (ระหว่างวันที่ 22 ก.ค. ถึง 21 ส.ค.)

ชาวราศีสิงห์เป็นคนแหล่งเชื่อมั่นที่ตนเองสูงชอบของใช้สวยงามหรูหรามีความทะเยอทะยานสูงชอบทำตัวให้คนเคารพนับถือ ชอบการได้เกียรติยศและชื่อเสียง ชอบความเป็นผู้นำของตนมีความคิดสร้างสรรค์มากมีจินตนาการที่ดี ดำรงฐานะคนที่มีบุคลิกที่มีความดูน่าเชื่อถือมีบารมีอำนาจเป็นคนเปิดเผยพร้อมกับชอบความเสรีเจ้าสำราญพอสมควร ชอบการเข้าสังคมชอบงานบันเทิงเริงรมย์ มักจักคบหากับบริวารหรือเพื่อนใหม่ๆเพื่อในการพบเจอจากการเข้าสังคมทุกครั้งชอบใช้จ่ายเงินณการทำธุรกิจ

 

ความเข้ากันข้าวของทั้งสองราศี 70 % ทั้งนี้เป็นอิทธิพลที่ส่งผลถึงกันระหว่างราศีแบบ ทั้งหมดกว้างๆ ยังคงจะขึ้นกับบุคคลทั้งสองสามัญชนด้วย

 

การผูกดวงสมพงศ์ระหว่างชาวราศีเมษกับชาวราศีสิงห์

ความสมพงศ์ระหว่างคู่รักชาวราศีเมษกับชาวราศีสิงห์ความสมพงศ์ระหว่างราศีทั้งสองนี้เข้าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแต่ต้องปรับทัศนคติพร้อมกับการคบค้นกันต้องปรับตัวเพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้มากขึ้น โดยลักษณะชาวราศีเมษจะเก่งในทางเป็นนักปฎิบัติและมีความสามารถในการเจรจาจึงสามารถ คลุกคลีกันสร้างฐานะให้มีความมั่นคงได้อย่างไม่อยาก ส่งผลให้คนรักชาวราศีสิงห์มีความสบายไปด้วยและทรัพย์สินที่ช่วยกันหามาด้วยกันและควรจะนำไปซื้อบ้านเป็นแบบสไตล์วินเทจ จะทำให้เกิดเรื่องมั่นคงและร่ำรวย สถานที่ท่องเที่ยวที่ควรพากันเดินทางไปท่องเที่ยวร่วมกันคือ การท่องเที่ยวงานตั้งแคมป์ การผจญภัยการเดินป่า เที่ยวน้ำตก อัญมณีที่จะส่งผลในการช่วยเสริมโชคในเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ด้านความรักที่ดีระหว่างกันก็ถือเอาว่า ทับทิม

ตรวจสอบ ดวงสมพงษ์ http://horoscope.sanook.com/play/lovematching/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ดูดวงสมพงษ์

วันมาฆบูชา ประวัติวันมาฆบูชา

วันมาฆบูชาวันมาฆบูชาความหมายวันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา หมายถึง การบูชา ในวันเพ็ญเดือน ๓ เนื่องในโอกาสคล้าย วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์

ความสำคัญวันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ มีเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมิได้นัดหมายกันพระสงฆ์ ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์

ผู้ได้อภิญญา ๖และเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจากพระพุทธเจ้า ในวันนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นทั้งหลักการอุดมการณ์และวิธีการปฏิบัติที่ นำไปใช้ได้ทุกสังคม มีเนื้อหา โดยสรุปคือให้ละความชั่วทุกชนิด ทำความดี ให้ถึงพร้อมและทำจิตใจให้ผ่องใส

ประวัติความเป็นมาวันมาฆบูชา

๑. ส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๙ เดือนขณะนั้นเมื่อเสร็จพุทธกิจแสดงธรรมที่ถ้ำสุกรขาตาแล้ว เสด็จมาประทับที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะหรือเดือน ๓ในเวลาบ่ายพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้า มาประชุม พร้อมกัน ณ ที่ประทับของพระพุทธเจ้า นับเป็นเหตุอัศจรรย์ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ ๔ ประการ เรียกว่าว่า วันจาตุรงคสันนิบาต

คำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" แยกศัพท์ได้ดังนี้ คือ

"จาตุร" แปลว่า ๔ 
"องค์" แปลว่า ส่วน 
"สันนิบาต" แปลว่า ประชุม 
ฉะนั้นจาตุรงคสันนิบาตจึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ ๔" กล่าวคือมีเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ คือ

1. เป็นวันที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันที่เวฬุวันวิหารในกรุงราชคฤห์ โดยมิได้นัดหมาย

2. พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น

3. พระภิกษุสงฆ์ทุกองค์ที่ได้มาประชุมในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นผุ้ได้บรรลุพระอรหันต์แล้วทุก ๆองค์

4. เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงกำลังเสวยมาฆฤกษ

ประวัติวันมาฆบูชา

มูลเหตุ

หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 และได้ทรงประกาศพระศาสนาและส่งพระอรหันตสาวกออกไปจาริกเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนายังสถานที่ต่าง ๆ ล่วงแล้วได้ 9 เดือน ในวันที่ใกล้พระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3) พระอรหันต์ทั้งหลายเหล่านั้นต่างได้ระลึกว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของศาสนาพราหมณ์ อันเป็นศาสนาของตนอยู่เดิม ก่อนที่จะหันมานับถือพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า และในลัทธิศาสนาเดิมนั้นเมื่อถึงวันเพ็ญเดือนมาฆะ เหล่าผู้ศรัทธาพราหมณลัทธินิยมนับถือกันว่าวันนี้เป็นวันศิวาราตรี โดยจะทำการบูชาพระศิวะด้วยการลอยบาปหรือล้างบาปด้วยน้ำ แต่มาบัดนี้ตนได้เลิกลัทธิเดิมหันมานับถือพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าแล้ว จึงควรเดินทางไปเข้าเฝ้าบูชาฟังพระสัทธรรมจากพระพุทธเจ้า พระอรหันต์เหล่านั้นซึ่งเคยปฏิบัติศิวาราตรีอยู่เดิม จึงพร้อมใจกันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมาย

มีผู้กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้พระสาวกทั้ง 1,250 องค์มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย มาจากในวันเพ็ญเดือน 3 ตามคติพราหมณ์ เป็นวันพิธีศิวาราตรี พระสาวกเหล่านั้นซึ่งเคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อนจึงได้เปลี่ยนจากการรวมตัวกันทำพิธีชำระบาปตามพิธีพราหมณ์ มารวมกันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแทน

วันมาฆบูชาโอวาทปาฏิโมกข์ 

หลักคำสอนสำคัญของพระพุทธศาสนา หรือคำสอนอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพุทธพจน์ ๓ คาถากึ่ง ที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป ผู้ไปประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ พระเวฬุวนาราม ในวันเพ็ญเดือน ๓ ที่เราเรียกกันว่าวันมาฆบูชา (ถรรถกถากล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์นี้ แก่ที่ประชุมสงฆ์ตลอดมา เป็นเวลา ๒๐ พรรษา ก่อนที่จะโปรดให้สวดปาฏิโมกข์อย่างปัจจุบันนี้แทนต่อมา), คาถาโอวาทปาฏิโมกข์ มีดังนี้ (โอวาทปาติโมกข์ ก็เขียน)

สพฺพปาปสฺส อกรณํกุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนํเอตํ พุทธาน สาสนํฯ
ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี
สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโตฯ
อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกฺเข จ สํวโร
มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญฺจ สยนาสนํ
อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธาน สาสนํฯ

แปล : การไม่ทำความชั่วทั้งปวง ๑ การบำเพ็ญแต่ความดี ๑ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขันติ คือความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง, พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่านิพพาน เป็นบรมธรรม, ผู้ทำร้ายคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต,ผู้เบียดเบียนคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะการไม่กล่าวร้าย ๑ การไม่ทำร้าย ๑ ความสำรวมในปาฏิโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร ๑ ที่นั่งนอนอันสงัด ๑ ความเพียรในอธิจิต ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่เข้าใจกันโดยทั่วไป และจำกันได้มาก ก็คือ ความในคาถาแรกที่ว่า ไม่ทำชั่ว ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ผ่องใส


สถานที่สำคัญเนื่องด้วยวันมาฆบูชา (พุทธสังเวชนียสถาน)

พระพุทธรูปยืนกลางมณฑลมหาสังฆสันนิบาต ในโบราณสถานวัดเวฬุวันมหาวิหาร เมืองราชคฤห์ รัฐพิหาร อินเดีย (เป็นพระพุทธรูปสร้างใหม่ ปัจจุบันเป็นสถานที่จาริกแสวงบุญสำคัญของชาวพุทธทั่วโลก)เหตุการณ์สำคัญที่เกิดในวันมาฆบูชา เกิดภายในบริเวณที่ตั้งของ "กลุ่มพุทธสถานโบราณวัดเวฬุวันมหาวิหาร" ภายในอาณาบริเวณของวัดเวฬุวันมหาวิหาร ซึ่งลานจาตุรงคสันนิบาตอันเป็นจุดที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในวันมาฆบูชานั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียงและหาข้อสรุปทางโบราณคดีไม่ได้มาจนถึงปัจจุบัน

วัดเวฬุวันมหาวิหาร
"วัดเวฬุวันมหาวิหาร" เป็นอาราม (วัด) แห่งแรกในพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ใกล้เชิงเขาเวภารบรรพต บนริมฝั่งแม่น้ำสรัสวดีซึ่งมีตโปธาราม (บ่อน้ำร้อนโบราณ) คั่นอยู่ระหว่างกลาง นอกเขตกำแพงเมืองเก่าราชคฤห์ (อดีตเมืองหลวงของแคว้นมคธ) รัฐพิหาร ประเทศอินเดียในปัจจุบัน (หรือ แคว้นมคธ ชมพูทวีป ในสมัยพุทธกาล)

วันมาฆบูชาวัดเวฬุวันในสมัยพุทธกาล

เดิมวัดเวฬุวันเป็นพระราชอุทยานสำหรับเสด็จพระพาสของพระเจ้าพิมพิสาร เป็นสวนป่าไผ่ร่มรื่นมีรั้วรอบและกำแพงเข้าออก เวฬุวันมีอีกชื่อหนึ่งปรากฏในพระสูตรว่า "พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน"หรือ "เวฬุวันกลันทกนิวาป" (สวนป่าไผ่สถานที่สำหรับให้เหยื่อแก่กระแต) พระเจ้าพิมพิสารได้ถวายพระราชอุทยานแห่งนี้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาหลังจากได้สดับพระธรรมเทศนาอนุปุพพิกถาและจตุราริยสัจจ์ ณ พระราชอุทยานลัฏฐิวัน (พระราชอุทยานสวนตาลหนุ่ม) โดยในครั้งนั้นพระองค์ได้บรรลุพระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา และหลังจากการถวายกลันทกนิวาปสถานไม่นาน อารามแห่งนี้ก็ได้ใช้เป็นสถานที่สำหรับพระสงฆ์ประชุมจาตุรงคสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา อันเป็นเหตุการณ์สำคัญในวันมาฆบูชา

วัดเวฬุวันหลังการปรินิพพาน

หลังพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน วัดเวฬุวันได้รับการดูแลมาตลอด โดยเฉพาะมูลคันธกุฎีที่มีพระสงฆ์เฝ้าดูแลทำการปัดกวาดเช็ดถูปูลาดอาสนะและปฏิบัติต่อสถานที่ ๆ พระพุทธเจ้าเคยประทับอยู่ทุก ๆ แห่ง เหมือนสมัยที่พระพุทธองค์ทรงพระชนมชีพอยู่มิได้ขาด โดยมีการปฏิบัติเช่นนี้ติดต่อกันกว่าพันปี

แต่จากเหตุการณ์ย้ายเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธหลายครั้งในช่วง พ.ศ. 70 ที่เริ่มจากอำมาตย์และราษฎรพร้อมใจกันถอดกษัตริย์นาคทัสสก์แห่งราชวงศ์ของพระเจ้าพิมพิสารออกจากพระราชบัลลังก์ และยกสุสูนาคอำมาตย์ซึ่งมีเชื้อสายเจ้าลิจฉวีในกรุงเวสาลีแห่งแคว้นวัชชีเก่า ให้เป็นกษัตริย์ตั้งราชวงศ์ใหม่แล้ว พระเจ้าสุสูนาคจึงได้ทำการย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธไปยังเมืองเวสาลีอันเป็นเมืองเดิมของตน และกษัตริย์พระองค์ต่อมาคือพระเจ้ากาลาโศกราช ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุสูนาค ได้ย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธอีก จากเมืองเวสาลีไปยังเมืองปาตลีบุตร ทำให้เมืองราชคฤห์ถูกลดความสำคัญลงและถูกทิ้งร้าง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้วัดเวฬุวันขาดผู้อุปถัมภ์และถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิงในช่วงพันปีถัดมา

โดยปรากฏหลักฐานบันทึกของหลวงจีนฟาเหียน (Fa-hsien) ที่ได้เข้ามาสืบศาสนาในพุทธภูมิในช่วงปี พ.ศ. 942 - 947 ในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าจันทรคุปต์ที่ ๒ (พระเจ้าวิกรมาทิตย์) แห่งราชวงศ์คุปตะ ซึ่งท่านได้บันทึกไว้ว่า เมืองราชคฤห์อยู่ในสภาพปรักหักพัง แต่ยังทันได้เห็นมูลคันธกุฎีวัดเวฬุวันปรากฏอยู่ และยังคงมีพระภิกษุหลายรูปช่วยกันดูแลรักษาปัดกวาดอยู่เป็นประจำ แต่ไม่ปรากฏว่ามีการบันทึกถึงสถานที่เกิดเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาตแต่ประการใด

แต่หลังจากนั้นประมาณ 200 ปี วัดเวฬุวันก็ถูกทิ้งร้างไป ตามบันทึกของพระถังซำจั๋ง (Chinese traveler Hiuen-Tsang) ซึ่งได้จาริกมาเมืองราชคฤห์ราวปี พ.ศ. 1300 ซึ่งท่านบันทึกไว้แต่เพียงว่า ท่านได้เห็นแต่เพียงซากมูลคันธกุฎีซึ่งมีกำแพงและอิฐล้อมรอบอยู่เท่านั้น (ในสมัยนั้นเมืองราชคฤห์โรยราถึงที่สุดแล้ว พระถังซำจั๋งได้แต่เพียงจดตำแหน่งที่ตั้งทิศทางระยะทางของสถูปและโบราณสถานเก่าแก่อื่น ๆ ในเมืองราชคฤห์ไว้มาก ทำให้เป็นประโยชน์แก่นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีในการค้นหาโบราณสถานต่าง ๆ ในเมืองราชคฤห์ในปัจจุบัน)


จุดแสวงบุญและสภาพของวัดเวฬุวันในปัจจุบัน

ปัจจุบันหลังถูกทอดทิ้งเป็นเวลากว่าพันปี และได้รับการบูรณะโดยกองโบราณคดีอินเดียในช่วงที่อินเดียยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ วัดเวฬุวัน ยังคงมีเนินดินโบราณสถานที่ยังไม่ได้ขุดค้นอีกมาก สถานที่สำคัญ ๆ ที่พุทธศาสนิกชนในปัจจุบันนิยมไปนมัสการคือ "พระมูลคันธกุฎี" ที่ปัจจุบันยังไม่ได้ทำการขุดค้น เนื่องจากมีกุโบร์ของชาวมุสลิมสร้างทับไว้ข้างบนเนินดิน, "สระกลันทกนิวาป" ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้ทำการบูรณะใหม่อย่างสวยงาม, และ "ลานจาตุรงคสันนิบาต" อันเป็นลานเล็ก ๆ มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางประทานพรอยู่กลางซุ้ม ลานนี้เป็นจุดสำคัญที่ชาวพุทธนิยมมาทำการเวียนเทียนสักการะ (ลานนี้เป็นลานที่กองโบราณคดีอินเดียสันนิษฐานว่าพระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ในจุดนี้)


จุดที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในวันมาฆบูชา (ลานจาตุรงคสันนิบาต)

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาตจะเป็นเหตุการณ์สำคัญยิ่งที่เกิดในบริเวณวัดเวฬุวันมหาวิหาร แต่ทว่าไม่ปรากฏรายละเอียดในบันทึกของสมณทูตชาวจีนและในพระไตรปิฎกแต่อย่างใดว่าเหตุการณ์ใหญ่นี้เกิดขึ้น ณ จุดใดของวัดเวฬุวัน รวมทั้งจากการขุดค้นทางโบราณคดีก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการทำเครื่องหมาย (เสาหิน) หรือสถูประบุสถานที่ประชุมจาตุรงคสันนิบาตไว้แต่อย่างใด (ตามปกติแล้วบริเวณที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา มักจะพบสถูปโบราณหรือเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างหรือปักไว้เพื่อเป็นเครื่องหมายสำคัญสำหรับผู้แสวงบุญ) ทำให้ในปัจจุบันไม่สามารถทราบโดยแน่ชัดว่าเหตุการณ์จาตุรงคสันนิบาตเกิดขึ้นในจุดใดของวัด

ในปัจจุบันกองโบราณคดีอินเดียได้แต่เพียงสันนิษฐานว่า "เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในบริเวณลานด้านทิศตะวันตกของสระกลันทกนิวาป" (โดยสันนิษฐานเอาจากเอกสารหลักฐานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีพระสงฆ์ประชุมกันมากถึงสองพันกว่ารูป และเกิดในช่วงที่พระพุทธองค์พึ่งได้ทรงรับถวายอารามแห่งนี้ การประชุมครั้งนั้นคงยังต้องนั่งประชุมกันตามลานในป่าไผ่ เนื่องจากเสนาสนะหรือโรงธรรมสภาขนาดใหญ่ยังคงไม่ได้สร้างขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันลานด้านทิศตะวันตกของสระกลันทกนิวาป เป็นลานกว้างลานเดียวในบริเวณวัดที่ไม่มีโบราณสถานอื่นตั้งอยู่) โดยได้นำพระพุทธรูปยืนปางประทานพรไปประดิษฐานไว้บริเวณซุ้มเล็ก ๆ กลางลาน และเรียกว่า "ลานจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าลานจาตุรงคสันนิบาตที่แท้จริงอยู่ในจุดใด และยังคงมีชาวพุทธบางกลุ่มสร้างซุ้มพระพุทธรูปไว้ในบริเวณอื่นของวัดโดยเชื่อว่าจุดที่ตนสร้างนั้นเป็นลานจาตุรงคสันนิบาตที่แท้จริง แต่พุทธศาสนิกชนชาวไทยส่วนใหญ่ก็เชื่อตามข้อสันนิษฐานของกองโบราณคดีอินเดียดังกล่าว โดยนิยมนับถือกันว่าซุ้มพระพุทธรูปกลางลานนี้เป็นจุดสักการะของชาวไทยผู้มาแสวงบุญจุดสำคัญ 1 ใน 2 แห่งของเมืองราชคฤห์ (อีกจุดหนึ่งคือพระมูลคันธกุฎีบนยอดเขาคิชกูฏ)

 กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันมาฆบูชา

 การปฎิบัติตนสำหรับพุทธศาสนาในวันนี้ก็คือ การทำบุญ ตักบาตรในตอนเช้า หรือไม่ก็จัดหาอาหารคาวหวานไปทำบุญฟังเทศน์ที่วัด ตอนบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา ในตอนกลางคืน จะพากันนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปที่วัดเพื่อชุมนุมกันทำพิธีเวียนเทียน รอบพระอุโบสถ พร้อมกับพระภิกษุสงฆ์โดยเจ้าอาวาสจะนำว่า นะโม ๓ จบ จากนั้นกล่าวคำ ถวาย ดอกไม้ธูปเทียน ทุกคนว่าตาม จบแล้วเดิน เวียนขวา ตลอดเวลาให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ จนครบ ๓ รอบ แล้วนำดอกไม้ ธูปเทียนไปปักบูชาตามที่ทางวัด เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จพิธี

ขอบคุณข้อมูลวันมาฆบูชาจาก : dhammathai.org,วิกิพีเดีย

 

การถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย

พิธีวันมาฆบูชานี้ เดิมทีเดียวในประเทศไทยไม่เคยทำมาก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอธิบายไว้ว่าเกิดขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยทรงถือตามแบบของโบราณบัณฑิตที่ได้นิยมกันว่า วันมาฆะบูรณมี พระจันทร์เสวยฤกษ์มาฆะเต็มบริบูรณ์เป็นวันที่พระอรหันต์สาวกของ พระพุทธเจ้า ๑,๒๕๐ รูป ได้ประชุมกันพร้อมด้วยองค์ ๔ ประการ เรียกว่า

จาตุรงคสันนิบาตพระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เป็นการ ประชุมใหญ่ และเป็นการอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา นักปราชญ์ จึงถือเอาเหตุนั้นประกอบ การสักการบูชาพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวก ๑,๒๕๐ รูปนั้น ให้เป็นที่ตั้งแห่งความ เลื่อมใสการประกอบพิธีมาฆะบูชา ได้เริ่มในพระบรมมหาราชวังก่อน

ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีพิธีการพระราชกุศลในเวลาเช้า พระสงฆ์ วัดบวรนิเวศวิหารและ วัดราชประดิษฐ์ ๓๐ รูป ฉันในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาค่ำ เสด็จออกทรงจุด ธูปเทียนเครื่อง มนัสการแล้ว พระสงฆ์สวดทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว สวดมนต์ต่อไปมี สวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ด้วยสวดมนต์ จบทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ ๑,๒๕๐ เล่ม มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนา โอวาทปาติโมกข์
๑ กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลีและ ภาษาไทย เครื่องกัณฑ์ มีจีวรเนื้อดี ๑ ผืน เงิน ๓ ตำลึง และขนมต่าง ๆ เทศนาจบพระสงฆ์ ซึ่งสวดมนต์ ๓๐ รูป สวดรับการประกอบพระราชกุศลเกี่ยวกับ วันมาฆบูชาในสมัยรัชกาลที่ ๔ นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปีมิได้ขาด สมัยต่อมามีการเว้นบ้าง เช่น รัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จออกเองบ้าง มิได้ เสด็จออกเองบ้างเพราะมักเป็นเวลาที่ประสบกับเวลาเสด็จประพาส หัวเมืองบ่อย ๆ หากถูกคราวเสด็จไปประพาสบางปะอินหรือพระพุทธบาท พระพุทธฉาย พระปฐมเจดีย์ พระแท่นดงรัง ก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชา ในสถานที่นั้น ๆ ขึ้นอีก ส่วนหนึ่งต่างหากจากในพระบรมมหาราชวังเดิมทีมีการประกอบพิธีในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาก็ขยายออกไป ให้พุทธบริษัทได้ ปฏิบัติตามอย่างเป็นระบบสืบมาจนปัจจุบัน มีการบูชา ด้วยการเวียนเทียน และบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ส่วนกำหนดวันประกอบพิธีมาฆบูชานั้น ปกติตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๓ หากปีใด เป็นอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหนจะเลื่อนไปตรงกับวันเพ็ญเดือน ๔

หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ

หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติได้แก่ โอวาทปาติโมกข์ หมายถึง หลักคำสอนคำสำคัญของพระพุทธศาสนาอันเป็นไปเพื่อป้องกัน และแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตเป็นไปเพื่อความหลุดพ้น หรือคำสอน อันเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ วิธีการ ๖ ดังนี้

หลักการ ๓
๑. การไม่ทำบาปทั้งปวง ได้แก่การงดเว้น การลด ละเลิก ทำบาปทั้งปวง ซึ่งได้แก่ อกุศลกรรมบถ ๑๐ ทางแห่งความชั่ว มีสิบประการ อันเป็น
ความชั่วทางกาย ทางวาจา และทางใจ ความชั่วทางกาย ได้แก่ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติ ผิดในกาม
ความชั่วทางวาจา ได้แก่ การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ 
ความชั่วทางใจ ได้แก่ การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม

๒. การทำกุศลให้ถึงพร้อม ได้แก่ การทำความดีทุกอย่างซึ่งได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นแบบของการทำฝ่ายดีมี ๑๐ อย่าง อันเป็นความดีทางกาย ทางวาจาและทางใจ

ความดีทางกาย ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่นมีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน การไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ มาเป็นของตน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และการไม่ประพฤติผิดในกาม
การทำความดีทางวาจา ได้แก่ การไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อพูดแต่คำจริง พูดคำอ่อนหวานพูดคำให้เกิดความสามัคคีและพูดถูกกาลเทศะ
การทำความดีทางใจ ได้แก่ การไม่โลภอยากได้ของของผู้อื่นมีแต่คิดเสียสละ การไม่ผูกอาฆาตพยาบาทมีแต่คิดเมตตาและ ปราถนาดีและมีความเห็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
๓. การทำจิตให้ผ่องใส ได้แก่ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ปราศจากนวรณ์ซึ่งเป็นเครื่องขัดขวางจิตไม่ให้เข้าถึงความสงบ มี ๕ ประการ ได้แก่
๑. ความพอใจในกาม (กามฉันทะ)
๒. ความอาฆาตพยาบาท (พยาบาท)
๓. ความหดหู่ท้อแท้ ง่วงเหงาหาวนอน (ถีนะมิทธะ)
๔. ความฟุ้งซ่าน รำคาญ (อุทธัจจะกุกกุจจะ) และ

๕. ความลังเลสงสัย (วิกิจฉา) เช่น สงสัยในการทำความดีความชั่ว ว่ามีผลจริงหรือไม่ วิธีการทำจิตให้ปฏิบัติสมถะผ่องใส ที่แท้จริงเกิดขึ้นจากการละบาปทั้งปวง ด้วยการถือศืลและบำเพ็ญกุศล ให้ถึงพร้อมด้วยการ และวิปัสสนา จนได้บรรลุอรหัตผล อันเป็นความผ่องใสที่แท้จริง

อุดมการณ์ ๔
๑. ความอดทน ได้แก่ ความอดกลั้น ไม่ทำบาปทั้งทางกาย วาจา ใจ
๒. ความไม่เบียดเบียน ได้แก่ การงดเว้นจากการทำร้าย รบกวน หรือ เบียดเบียนผู้อื่น
๓. ความสงบ ได้แก่ ปฏิบัติตนให้สงบทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ
๔. นิพพาน ได้แก่ การดับทุกข์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้จาการดำเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘

วิธีการ ๖
๑. ไม่ว่าร้าย ได้แก่ ไม่กล่าวให้ร้ายหรือ กล่าวโจมตีใคร
๒. ไม่ทำร้าย ได้แก่ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
๓. สำรวมในปาติโมกข์ ได้แก่ ความเคารพระเบียบวินัย กฎกติกา กฎหมาย รวมทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของสังคม
๔. รู้จักประมาณ ได้แก่ รู้จักความพอดีในการบริโภคอาหารหรือการใช้สอยสิ่งต่าง ๆ
๕. อยู่ในสถานที่ที่สงัด ได้แก่ อยู่ในสถานที่สงบมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
๖. ฝึกหัดจิตใจให้สงบ ได้แก่ฝึกหัดชำระจิตให้สงบมีสุขภาพคุณภาพและประสิทธิ
ภาพที่ดี

 

ปฏิทินวันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา พ.ศ.2552 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 / วันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีชวด
วันมาฆบูชา พ.ศ.2553 ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 / วันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีฉลู
วันมาฆบูชา พ.ศ.2554 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 / วันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีขาล
วันมาฆบูชา พ.ศ.2555 ตรงกับ วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2555 / วันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีเถาะ
วันมาฆบูชา พ.ศ.2556 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2556 / วันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีมะโรง
วันมาฆบูชา พ.ศ.2557 ตรงกับ วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 / วันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีมะเส็ง
วันมาฆบูชา พ.ศ.2558 ตรงกับ วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2558 / วันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีมะเมีย
วันมาฆบูชา พ.ศ.2559 ตรงกับ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 / วันจันทร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีมะแม
วันมาฆบูชา พ.ศ.2560 ตรงกับ วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 / วันเสาร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีวอก
วันมาฆบูชา พ.ศ.2561 ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2561 / วันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสี่(๔) ปีระกา
วันมาฆบูชา พ.ศ.2562 ตรงกับ วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 / วันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสาม(๓) ปีจอ

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://campus.sanook.com/910849/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ข่าวด่วน

รวมทุกภาพหลุดของ iPhone 8 หรือ iPhone Edition ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการคืนพรุ่งนี้

รวมทุกภาพหลุดของ iPhone 8 หรือ iPhone Edition ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการคืนพรุ่งนี้

รวมทุกภาพหลุดของ iPhone 8 หรือ iPhone Edition ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการคืนพรุ่งนี้

S! Hitech (Rewrite)

สนับสนุนเนื้อหา

ใกล้วันเปิดตัวเข้ามาเรื่อยๆ แล้วครับสำหรับการมาของ iPhone รุ่นใหม่ ซึ่งไม่ระบุแน่ชัดว่ามันจะถูกเรียกว่าอะไร เพราะดูเหมือนจะมีหลายรุ่นหลายขนาดให้เราได้เห็นกัน(ตามกระแสข่าวลือ) อย่างเช่น iPhone 8หรืออีกชื่อคือ iPhone Edition และมันอาจจะมีพี่น้องมาด้วยนั้นคือ iPhone 7s และ iPhone 7s Plus ขนาดที่ประเทศไต้หวันถึงกับหลุดภาพโปสเตอร์พร้อมราคาแล้วด้วย

untitled-6

สำหรับราคาที่หลุดออกมาจากภาพโปสเตอร์ (อ้างอิง เผยโปสเตอร์ iPhone 8 ในไต้หวันพร้อมราคาครบทุกรุ่น

ราคา iPhone ทั้งสามรุ่น เริ่มด้วย iPhone 7s

32GB ราคา 5,388 หยวน หรือประมาณ 27,400 บาท 128GB ราคา 6,188 หยวน หรือประมาณ 31,500 บาท 256GB ราคา 6,988 หยวน หรือประมาณ 35,600 บาท

iPhone 7s Plus

32GB ราคา 6,388 หยวน หรือประมาณ 32,500 บาท 128GB ราคา 7,188 หยวน หรือประมาณ 36,500 บาท 256GB ราคา 7,988 หยวน หรือประมาณ 40,700 บาท

 หรือ iPhone Edition

128GB ราคา 8,188 หยวน หรือประมาณ 41,700 บาท 256GB ราคา 8,988 หยวน หรือประมาณ 45,700 บาท

แม้ราคาดังกล่าวจะมีการพูดถึงอยู่ในตอนนี้ แต่เรายังไม่มีข้อมูลอ้างอิงอะไรแน่ชัดว่ามันคือของจริง ไม่ใช่ข่าวลือก็ตาม แต่ตามราคาที่ออกมาให้เราเห็นก็ทำให้เราพอประเมินได้ว่า ราคาของ iPhone รุ่นใหม่อาจจะมีการปรับราคาสูงขึ้นอยางแน่นนอน

เอาเป็นว่าตอนนี้เรามาดูภาพของ iPhone 8 หรือ iPhone Edition จากเจ้าพ่อข่าวหลุดคุณ Benjamin Geskin‏ เรียกน้ำย่อยกันไปพลางก่อนๆ ก่อนครับ

อ่านเพิ่มเติมที่ http://hitech.sanook.com/1433457/

"มะเร็งปอด" ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

"มะเร็งปอด" ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

"มะเร็งปอด" ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เกี่ยวกับ มะเร็งปอด

S! Health

สนับสนุนเนื้อหา

คุณหมอมักจะเอ่ยปากกับคนไข้ที่ป่วยเป็น โรคมะเร็งปอด อยู่เสมอว่า โรคนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครๆ เขาคิดกัน และมักเป็นประโยคแรกๆ ที่ผู้ป่วยได้ยินหลังจากที่รับรู้ว่าตนเองมีเซลล์มะเร็งปอดอยู่ในร่างกาย อย่างแรก ก็เพื่อให้กำลังใจกับผู้ป่วย อย่างที่สอง สิ่งที่ออกจากปากแพทย์ผู้รักษายังไงก็ต้องเป็นไปตามนั้น มะเร็งปอดไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา วิวัฒนาการด้านการรักษาก้าวหน้า และมีวิธีการรักษาใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก เริ่มตั้งแต่การวินิจฉัย ไปจนถึงการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ตลอดจนระยะที่มะเร็งปอดแพร่กระจาย จึงไม่ต้องเป็นกังวลว่าอาการที่เป็นอยู่จะไม่มีหนทางทำให้ดีขึ้นได้

 

รู้จัก "มะเร็งปอด" ให้มากขึ้น

มะเร็งปอด จะแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ชนิดเซลล์ขนาดเล็ก และชนิดเซลล์ที่ขนาดไม่เล็ก โดยชนิดที่ 2 นี้พบได้มากถึง 85% ของมะเร็งปอดทั้งหมด อีกทั้งใน 2 ชนิดนี้ ก็ยังสามารถแยกย่อยออกได้เป็นชนิดต่างๆ อีกหลายชนิด อาทิ squamous cell carcinoma, adenocarcinoma และอื่นๆ ซึ่งในกลุ่ม adenocarcinoma นี้ ปัจจุบันได้มีการรักษาด้วยยากลุ่มใหม่ที่มีการพัฒนาขึ้น เกิดผลตอบสนองต่อการรักษาค่อนข้างดีทีเดียว

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่วงการแพทย์ยังพัฒนาไปได้ไม่มาก การวินิจฉัยมะเร็งปอดยังคงทำได้ยาก พอเข้าสู่ยุคที่มีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย อย่าง การทำสแกนคอมพิวเตอร์ (CT Scan) การสแกนด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) จนมาถึงการสแกนด้วย PET Scan ตลอดจนเทคนิคอื่นๆ ที่ใช้ประกอบ อย่าง การส่องกล้องหลอดลมและการเจาะ การตรวจชิ้นเนื้อเพื่อให้ได้มาซึ่งผลการวินิจฉัยมะเร็งปอด เมื่อทุกกระบวนการมีความทันสมัย การวินิจฉัยของแพทย์ก็เป็นไปด้วยความรวดเร็ว คราวนี้เราก็สามารถจับตาดูได้ว่าเซลล์มะเร็งปอดอยู่ที่บริเวณใดของร่างกาย

 

แล้วอาการแบบไหนล่ะ ที่มีความเสี่ยงว่าจะเป็นมะเร็งปอด?

โดยส่วนใหญ่ ผู้ป่วยก็มักจะมาพร้อมกับอาการไอเรื้อรัง บางครั้งก็จะมาด้วยอาการทางระบบประสาท แต่ถ้าเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปอยู่ที่สมอง หรือไขกระดูกสันหลัง ก็จะทำให้เกิดอาการต่างๆ เพิ่มได้อีก อาทิ แขนขาอ่อนแรง หรือชา , กลั้นปัสสาวะ อุจจาระไม่ได้ ในบางรายอาจมีอาการปวดกระดูกมาก หากเซลล์มะเร็งปอดนั้นเกิดกระจายไปอยู่ที่กระดูก

 

การรักษาที่เหมาะสมต้องเป็นอย่างไร?

สำหรับการรักษามะเร็งปอด ในระยะเริ่มแรกนั้น จะรักษาด้วยการผ่าตัด เนื่องจากเทคนิคการผ่าตัดในปัจจุบันได้พัฒนาไปกว่าแต่ก่อนมาก ทำให้มีประสิทธิภาพในการรักษามากพอสมควร ส่วนการรักษามะเร็งปอดในระยะลุกลาม ก็จะมีการให้ยาเคมีบำบัด โดยฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำเหมือนกับเวลาที่ให้น้ำเกลือ ซึ่งในอดีต ยาเคมีบำบัดที่ใช้กันอยู่นั้นมีเพียงไม่กี่ชนิด แต่มีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย อาทิ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง และเกิดการติดเชื้อง่าย เพราะยาเคมีบำบัดจะเข้าไปกดการสร้างเม็ดเลือดที่ไขกระดูก เป็นเหตุให้ผู้ป่วยบางรายกลัวที่จะรักษาด้วยวิธีนี้เป็นอย่างมาก

แต่อย่างที่ได้บอกให้รู้กันไปแล้วว่า มะเร็งปอดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ในปัจจุบันก็มีการพัฒนายาเคมีบำบัดชนิดใหม่ๆ ขึ้นมาหลายตัวที่มีผลข้างเคียงในการรักษาน้อยกว่าตัวเดิมมาก อย่างไรก็ตามยังคงมียาเคมีบำบัดชนิดเดิมบางตัวที่จำเป็นต้องนำกลับมาใช้รักษาผู้ป่วย อีกทั้งก็ได้มียาตัวใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาควบคู่เพื่อใช้แก้อาการข้างเคียงที่อาจเกิดจาก After one cycle of chemotherapy หรือผลข้างเคียงหลังการใช้ยาเคมี อาทิ ยาแก้คลื่นไส้ อาเจียน , ยาที่ช่วยกระตุ้นเม็ดเลือดขาว เป็นต้น จึงรับรองได้ว่า ยาเคมีบำบัด ที่ใช้ในการรักษามะเร็งปอดยังให้ผลการรักษาที่ดี และมีผลข้างเคียงน้อยกว่าเดิมมาก

 

"ยีน" ที่ผิดปกติ มีผลต่อการเกิดมะเร็งปอด

ยากลุ่มปัจจุบันที่มีการพัฒนาขึ้นนั้นใช้ได้ผลดีในกลุ่มมะเร็งที่เป็น Adenocarcinoma ซึ่งถือว่าเป็นการรักษาแบบตรงจุด หรือการรักษาแบบมุ่งเป้า ความหมายของจุด หรือเป้านั้น ก็มีพื้นฐานมาจากการเกิดของมะเร็ง โดยนักวิทยาศาสตร์และหมอมะเร็งได้มีการค้นพบว่ามะเร็งปอด เกิดได้จากหลายปัจจัย และหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญก็คือลักษณะทางพันธุกรรม หรือยีนภายในร่างกายเกิดการกลายพันธุ์ ในแบบที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดพันธุกรรมจากครอบครัว ยีนที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งปอดนั้นมีอยู่หลักๆ 2 ชนิด ดังนี้

  • ชนิดที่ 1 : การกลายพันธุ์ของ Epidermal Growth Factor Receptor (EGFR) พบได้ในคนผิวขาวประมาณ 10 - 20% แต่พบในคนเอเชียได้สูงที่สุดถึง 50 - 70% พบมากในคนที่ไม่สูบบุหรี่ หรือเลิกบุหรี่มานานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป

  • ชนิดที่ 2 :  การสลับที่และการรวมกันของยีน Echinoderm microtubule-associated protein-like 4 fused with the anaplastic lymphoma kinase (EML4-ALK fusion gene) พบได้ประมาณ 5 - 7% และพบได้ส่วนมากในผู้ป่วยที่ไม่สูบบุหรี่

นับว่าเป็นเรื่องน่าแปลกที่คนที่สูบบุหรี่กลับไม่พบความผิดปกติของยีนทั้ง 2 ชนิดนี้ ทำให้ไม่สามารถใช้ยาต้านเฉพาะที่ได้บอกไปแล้วได้

 

รู้ได้อย่างไรว่า "ยีน" มีความผิดปกติ ?

ในปัจจุบันหากจะตรวจวินิจฉัยว่ายีนทั้ง 2 ชนิดมีความผิดปกติหรือไม่ ก็จะตรวจได้จากชิ้นเนื้อของมะเร็งปอดที่ทำการผ่าตัด หรือเจาะออกมา ซึ่งหากมีความผิดปกติก็มียาที่ใช้ยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งปอดได้แบบจำเพาะในผู้ป่วย โดยเป็นยารับประทาน คือ กลุ่มยาต้าน EGFR และยาต้าน ALK ซึ่งผลการตอบสนองต่อยาต้านมะเร็งของทั้ง 2 กลุ่มนี้ให้ผลที่ดีมากถึง 60 - 70% และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

ความแตกต่างระหว่างกลุ่มยาในปัจจุบัน กับ ยาเคมีบำบัดแบบเดิม

เมื่อนำยาทั้ง 2 กลุ่มนี้ไปเปรียบเทียบกับการใช้ยาเคมีบำบัดที่ให้กันทางเส้นเลือดดำ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นก็จะมีความแตกต่าง คือ ยาใน 2 กลุ่มอาจทำให้เกิดผื่น ผิวแห้ง เป็นสิว ท้องเสีย การเจริญอาหารลดลง หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ เพิ่มขึ้นในระบบทางเดินอาหาร ไปจนถึงระบบอื่นๆ แต่โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยที่ได้รับยาทั้ง 2 กลุ่มนี้ก็สามารถรับและทนผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ดี ผู้ป่วยบางรายมีการตอบสนองต่อยาดี ตัวยาสามารถเข้าไปควบคุมมะเร็งปอดได้เป็นเวลานานหลายปี ทั้งนี้ก็มีผู้ป่วยบางรายที่เกิดอาการดื้อยาเมื่อใช้ยาไปสักระยะเวลาหนึ่ง แต่ผู้ป่วยก็สามารถเปลี่ยนมาใช้การรักษาด้วยเคมีบำบัดแทนได้

นอกจากนี้ ก็ยังมียาอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นยาประเภท Targeted Drug เช่นเดียวกับยากลุ่มที่กล่าวถึงไป โดยยาในกลุ่มนี้จะเข้าไปช่วยยับยั้งการสร้างเส้นเลือดในก้อนเนื้อมะเร็ง โดยจะฉีดเข้าที่เส้นเลือดดำและใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัด อีกทั้งในตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์และหมอรักษามะเร็งจากทั่วโลกกำลังศึกษาวิจัยต้นเหตุและกลไกที่ทำให้เกิดอาการดื้อยา ไปจนถึงพัฒนาตัวยาชนิดใหม่ๆ เพื่อใช้ในผู้ป่วยกลุ่มนี้เมื่อเกิดอาการ รวมถึงได้มีการค้นพบยีนกลายพันธุ์ชนิดต่างๆ ในมะเร็งปอด เชื่อได้ว่าในอีกไม่นาน ผู้ป่วยมะเร็งปอดจะมีโอกาสหายจากโรคร้ายนี้ในเปอร์เซ็นต์ที่มากขึ้น จึงเป็นคำตอบว่า ทำไม? มะเร็งปอดจึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอย่างที่คิด

เพิ่มเติม การรักษาหลักๆ ของมะเร็งปอดในระยะที่มีการลุกลาม ยังคงเป็นการรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัด ส่วนยาต้านมะเร็งแบบตรงจุดนั้น แพทย์จะให้เฉพาะผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของยีนอย่างที่กล่าวไปแล้วเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม มะเร็งปอด sanook ได้ที่ https://www.sanook.com/health/9905/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : กรดไหลย้อน

คำชะโนด 2 หรือวัดป่าคลอง 11 ความศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ต้องไปไกล !!

สำหรับหลาย ๆ คนคงรู้จักวัดป่าคชะโนดเป็นอย่างดี เพราะเป็นสถานที่ชื่อดังที่ขึ้นชื่อด้านความศักดิ์สิทธิ์และเชื่อกันว่าเป็นที่อยู่ของพญานาค ที่จังหวัดอุดรธานี

แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า มีวัดอีกแห่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับวัดป่าแต่อยู่ใกล้ ๆ กรุงเทพนี่เอง นั่นก็คือว่าป่าคลอง 11 จังหวัดปทุมธานี

19141818_148408609037842_2241
19183999_148408642371172_1156
19190933_148408979037805_1466

ที่นี่มีความคล้ายคลึงกับวัดป่าคำชะโนดมาก ทั้งในด้านภูมิศาสตร์ที่ตั้งเป็นเกาะกลางน้ำเหมือนกัน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด ที่มีความเชื่อด้านพญานาคเช่นกัน

19198300_148408759037827_5793

นั่นก็คือองค์ จ้าวปู่ศรีสุทโธ ย่านาคี ถนนทุกสายเต็มไปด้วยรถ ทางเดินทุกเส้นทาง เต็มไปด้วยประชาชนที่มาไหว้ และเต็มไปด้วยความศรัทธา ปู่ศรีสุทโธ ย่านาคี ในขณะนี้

19142031_148408695704500_1161
19198441_148408632371173_1100
19206379_148408645704505_1656

 

ต้องบอกเลยว่ากำลังเป็นสถานที่ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่องลือในหมู่ของผู้คนที่ไปสักการะอย่างมาก แถมยังเดินทางไปได้ง่ายไม่ไกลจากกรุงเทพจึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากของผู้ที่ศรัทธา

และนอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีการสร้างรูปปั้นพญานาคไว้อย่างน่าเกรงขาม ดูลึกลับและน่าค้นหา เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สวยงามน่าไปเก็บภาพอย่างมาก

หากมีโอกาศในวันหยุดลองเดินทางไปสักการะดูสักครั้ง เพื่อเ

นสิริมงคลในชีวิตและการทำงานต่อไป

19184057_148408615704508_8216
19184183_148408485704521_1146
19198315_148408489037854_2144

 

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://travel.sanook.com/1404541/

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล