ฟังแค่ชื่อทีไร พลอยนึกว่าเธอคือหนึ่งในผู้เข้าประกวดนางงามทุกที แต่แท้ที่จริง “รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น” เป็นชื่อในวงการบันเทิงของพิธีกร ดาราผู้ชายนะคะผิวสีที่แม้จะเข้ามาชิมลางงานในแวดวงมายาได้ไม่นาน แต่กลับมีบุคลิก และผลงานเตะตา

เส้นทางก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงของเธอมาจากความฝันที่ตั้งไว้ และพุ่งเข้าชน (อย่างแรง) เพราะอยู่ดีๆ เธอก็พาร่างสูงใหญ่ ผิวสีสไตล์ลูกครึ่งไทย-อเมริกันเดินตรงไปที่ตึกแกรมมี่ เพื่อบอกว่า “พี่คะ หนูอยากเป็นดารา” อะไรผลักดันให้เธอช่างกล้าทั้งๆ ที่รู้ว่าบ้านเราต้องสวย ขาว หล่อ หุ่นดีเท่านั้นถึงจะเข้าเส้นชัย Sanook! Women อยากให้คุณรู้จักเธอไปพร้อมๆ กัน แล้วจะรู้ว่าชีวิตของรัศมีแขมีสีสันพอๆ กับรอยยิ้มของเธอ

จะ “แจ่ม” “เจมส์” หรือ “รัศมีแข” ก็โดนล้อว่า “ขวานฟ้าหน้าดำ”
ในระหว่างให้สัมภาษณ์รัศมีแขมักเรียกแทนตัวเองว่า “แข” ทั้งๆ ที่ชื่อจริงของเธอคือ “เจมส์ ฟอเกอร์ลุนด์” มีเชื้อสายลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เกิดที่เมืองไทยและอยู่ที่นี่จนอายุ 10 ขวบก่อนจะตามไปอยู่กับคุณแม่ที่สวีเดนหลังคุณแม่แต่งงานใหม่

แม้จะเกิดที่ภูเก็ต แต่ชีวิตก็ย้ายไปอยู่จังหวัดนั้นจังหวัดนี้บ่อยครั้ง และเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอยอมรับว่าลูกครึ่ง ผิวดำ และเพศทางใจไม่ตรงกับเพศทางกายแบบเธอ จะไปอยู่ที่ไหนก็ต้องโดนล้อ โดนแกล้ง

“แขมีพี่สาวคนละพ่อเป็นลูกครึ่งสวิสเซอร์แลนด์ ขาว สวย แต่แขเป็นลูกครึ่งอัฟโฟรอเมริกัน จะโดนเปรียบเทียบตลอด เมื่อก่อนก็งงว่าทำไมต้องมาว่าเราเป็นมูฮัมหมัด อาลี ให้ถอดเสื้อแล้วชกมวย เราอายนมเรามาก มีแต่คนบอกว่าเราเหมือน ไปไหนก็มีแต่คนเรียกขวานฟ้าหน้าดำ ข้าวนอกนา เราก็งงว่าคืออะไร แต่ไม่โกรธ”

ใช้ “จุดอ่อน” ผลักดันให้เกิด “จุดแข็ง”
เมื่อย้ายไปอยู่สวีเดนกับคุณแม่ การอยู่ร่วมกับชาวต่างชาติ ยิ่งทำให้รู้สึกกดดันเนื่องจากเด็กสวีเดนแท้ๆ ไม่ยอมรับชาวต่างชาติ และเธอยังมีปัญหาเรื่องภาษา ปีแรกของการเรียนเธอจึงดร็อปทุกวิชาเพื่อมุ่งมั่นเรียนภาษาสวีเดนให้แข็งแรง

“ภาษาเราสู้เขาไม่ได้ แทนที่เราจะเสียใจ เราก็โอเคและสู้ไปกับปัญหา แม้จะโดนล้อว่าเป็นตุ๊ด แต่ไม่โกรธ เพราะเรารู้ตัวดีอยู่แล้ว แต่พอภาษาเราไม่เก่ง เราเลยหันไปเอาดีเรื่องงานฝีมือ วาดรูป พละ แค่นี้ก็ทำให้เรากลายเป็นเด็กดังในโรงเรียน พอดังก็เริ่มได้รับการยอมรับ การล้อก็เริ่มหายไป ตอนนั้นคิดตลอดเวลาว่าเราต้องเป็นเด็กดี ต้องเป็นที่รักของอาจารย์ มันก็หนีไม่พ้นที่จะมีคนเกลียด”

เมื่อเข้าไฮสคูลเธอโดนล้อหนักขึ้นเรื่อยๆ แม้จักรับจ้างเป็นพนักงานร้านขายข้าวของชำหาเงินใช้เอง จนกระทั่งเก็บเงินซื้อกระเป๋าใบละ 7 หมื่นใช้ได้ ก็มิวายโดนเพื่อนแกล้งสารพัด รุนแรงตราบเท่าขนาดเผากระเป๋าในล็อกเกอร์ โชคยังดีที่วันนั้นเธอไม่ได้ใช้กระเป๋าใบแพง แต่ถ้าว่ามันก็สะท้อนว่าเธอไม่ได้รับการยอมสารภาพ

“เคยมีพวกแขกท้าเราไปตีหลังโรงเรียน เราเป็นคนไม่คิดอะไร เลยบอกได้ แต่บอกฉันไม่ไปไหน ถ้าจะตีก็ตีกันตรงนี้ ไอ้นั่นก็ไม่กล้า กลัวคนเห็น”

ตัวตนที่แท้จริงของฉันอยู่หนใด ?
เพราะเพศที่ไม่ได้คัดตั้งแต่แรกทำสละเธอมุ่งมั่นหาจุดยืนของตัวเอง หลังเรียนจบการโรงแรมเธอสมัครงานบริษัทเมคอัพสโตร์ และมีโอกาสบินมาทำงานแดนเมืองไทย แม้กระนั้นกลับพบว่าไม่ใช่สิ่งที่อยากทำ จนมีโอกาสพบกับคุณโอ ศิระ ที่ช่วยเตือนสติให้ค้นหาตัวเอง เมื่อกลับสวีเดนก็ไปสมัครเป็นตัวแทนขายตั๋วเครื่องบินท้ายที่สุดก็พบว่ายังไม่ใช่คงอยู่ได้ดี

ในช่วงเวลาที่ยังสับสน วอลเลย์บอลคือกีฬาที่เธอเลือกยังมีชีวิตอยู่เป้าหมายสั้นๆ รอการค้นพบตัวตนตำแหน่งแท้จริง
“ตอนนั้นอายุ 26 ทำงานเสิร์ฟอาหารที่ร้านอาหารไทยอาทิตย์ละ 1 วัน แขคงอยู่กับแฟน ไม่ได้คิดอะไรมาก ขอแค่ได้เล่นวอลเลย์บอลอาทิตย์ละ 1 วันกับแก๊งค์ตุ๊ด แก๊งค์เกย์ไทย เล่นเป็นบ้าเป็นบอ ไม่ทำอะไรเลย ตื่นเช้าส่งหลาน กลับมากินข้าว เดินไปสนามวอลเลย์บอล พอเล่นเสร็จแฟนก็มารับ วันอาทิตย์ตื่นเช้าไปทำงาน 9 โมงถึง 5 ทุ่ม ยังไม่ตายแบบนี้ตลอด”

ชีวิตเคว้งคว้างไร้จุดหมาย ตราบเท่าคิดว่าจะขอเล่นวอลเลย์บอลด้วยกันใช้ชีวิตแบบตรงนี้ไปจนถึงอายุ 30 แล้วค่อยหางานทำเป็นเรื่องเป็นราว

มีวันนี้เพราะพี่ (แท่ง) ให้
ความรักชอบการแสดง ในสวีเดนเธอจึงเป็นที่รู้จักและมักรับจ้างเป็นพิธีกรงานต่างๆ บ่อยครั้ง กระทั่งมีโอกาสเป็นไกด์นำเที่ยวให้แท่ง ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง และแท่งคือผู้ที่เห็นคาแรคเตอร์ของเธอก่อนเอ่ยปากชวนให้กลับมาอยู่เมืองไทย คำชักชวนนั้นกลายเป็นเชื้อไฟแห่งความฝันและความหวัง แม้ตอนนั้นสมัครแอร์โฮสเตสไว้ เธอกลับตัดสินใจหนีมาเมืองไทยเพื่อตามฝันการเป็น “ดารา”

“แขไปเลยค่ะ ประกวด KPN รอบสุดท้าย กระผมแค่คิดว่าเราต้องได้ออกทีวี เราก็เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ มือสั่นด้วย สุดท้ายเข้ารอบ 30 คนสุดท้าย แต่ก็ได้แค่นั้น ชุดนั้นเราคิดว่าเราจะต้องทำอะไรสักอย่างให้พี่แท่งภูมิใจ”

ทิ้งนั้นเธอตัดสินใจเขียนเรซูเม่เดินเข้าจากไปที่ตึกแกรมมี่บอกเจตนารมณ์ว่าจ้างอยากเป็นดารา เจ้าหน้าที่แนะนำให้ขึ้นไปติดต่อส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นความบังเอิญที่เธอเจอกับพี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ซึ่งเห็นแววและมอบงานพิธีกรสน.ฮอลลีวูด รายการแรก ก่อนจะตามด้วยละคร Club Friday To be Continued ตอนความลับของมิ้นต์กับมิว ด้วยกันผลงานอื่นๆ

“ตอนนั้นแนะนำตัวกับพี่ฉอดว่าเราชอบเต้นกินรำกิน พอได้ทำงานก็ภูมิใจ พอไปเล่นมิ้นต์กับมิว เราใหม่มาก เราเล่นใหญ่เต็มที่ คนก็เริ่มจำได้ แต่พอมาเล่นละครเรื่อง “เพื่อนรักเพื่อนร้าย” ในบทเอ็นจอย คนก็จำได้ พอได้งานร่านบอกพี่แท่งล่วง”

“พี่แท่งทำได้แล้ว พี่แท่งบอกเก่งมาก ตอนนั้นมันจะร้องไห้เลยนะ ขนมจากนั้นพี่แท่งก็สอนเรื่องการทำงานในวงการ เน้นมากเรื่องเวลา ห้ามดื่มเหล้า จำเป็นเคารพผู้ใหญ่”

เด็กนอก…บนเวทีที่ไม่มีอยู่พี่เลี้ยง
จากเด็กนอกมาหาอยู่เมืองไทยแบบไร้สัตว์สองเท้าแนะนำ ระยะเวลาแรกเธอจึงต้องปรับตัวถวายเข้ากับผู้ร่วมงาน วิธีการทำงานแบบคนไทย วัฒนธรรมความเป็นคนไทย บางครั้งแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่กับบางเรื่องก็ไม่คิดว่างานเบื้องหน้าที่สวยหรูกลับมีเบื้องขนองยากลำบาก

“ทำใจไว้ส่วนหนึ่งตำหนิเรามาทำงาน พี่ๆ ทุกคนเป็นดาราดังกันหมด เราต้องอยู่ให้ได้ ดั่งเราไม่รู้มาก่อนว่าเวลาถ่ายละครต้องไปยืนกลางแดดร้อนๆ บางทีถ่ายดึก ไม่ได้นอน นอนกลางดินกินกลางทราย เมื่อก่อนเราไม่เคยรู้แต่ตอนนี้เรารู้แล้ว และมีความสุขมากกับการอยู่เบื้องหลัง ตอนนี้อยากเล่นได้หลายๆ ฝ่าย เล่นเป็นผู้ชายก็อยาก”

“งานในวงการบันเทิงสอนยื่นให้เรามีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งมันเป็นงานแถวทำให้คนมีความสุข เนื่องจากเราเคยอยู่ในจุดที่คนล้อเรา เราเกลียดเมืองไทย ไม่อยากมา แต่วันหนึ่งกลับพลิกจุดนั้น เรากลับเป็นคนที่ทำให้คนไทยมีความสุข ทำให้เรายิ่งมีความสุข งานในวงการบันเทิงเป็นงานเล็กๆ ที่ทำให้หลายคนมีความสุข เรารู้สึกว่าเราได้ปฏิบัติงานอะไรให้คนอื่นบ้าง รู้สึกตัวเองมีค่า”

สำคัญที่สุดคือรู้จักตัวเอง
แม้ในที่ผ่านมาปมเรื่องสีผิว รูปร่าง หน้าตา กระแสความผิดเพศที่คนอื่นมอบให้จะฝังลึกเป็นปมในใจ แต่เมื่อเธอเลือกที่จะทำความรู้จักตัวเอง ยอมรับและแก้ปัญหานั้น ในวันนี้สิ่งที่มีค่าที่สุดคือการค้นพบตัวเองและภูมิใจอย่างแถวตัวเองมีชีวิต

“แขอยากตัวเล็ก แขทำไม่ได้เพราะแขสูง แขไม่สามารถเหลากระดูกได้ แขอยากขาวแต่ขาวไม่ได้ บำเพ็ญได้แต่จะเป็นมะเร็ง เมื่อเป็นแบบนั้นเราจะอยู่อย่างไร เราก็อยู่แบบตัวใหญ่ๆ อยู่แบบตัวดำ อยู่ให้รู้ว่าฉันสูง ขายาว อย่าอุปถัมภ์ฉันมีซิกแพคนะ หุ่นฉันจะสวยมาก มันคือการค้นหาตัวเอง เราไม่ได้หาจุดด้อยสิ่งตัวเอง เราหาจุดเด่นของตัวเองให้เจอ แขทำศัลยกรรมได้แต่ไม่ทำ เพราะแขมีความสุขกับตรงนี้มาก เมื่อเรายอมรับตัวเองปุ๊บ ใจฉันก็จะเปิด อีกอย่างแขอยากสละเลิกฝังความคิดเรื่องความดูดีต้องขาว ต้องสูง ต้องผอม ตัวเล็ก เราควรภูมิใจในแบบที่เราเป็นเรา และการล้อคนอื่นที่เรื่องเหล่านี้มันทำให้คนๆ นั้นมีปม ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี”

การมองชีวิตให้เห็นด้านสุขไม่ง่ายถ้ากูไม่เคยเห็นด้านตรงกันข้ามของมันมาก่อน รัศมีแขอยู่เข้ากับปมเหยียดมาตั้งแต่เด็ก บางคนเลือกจมปลักติดทุกข์อยู่กับปมนั้น แต่เธอเลือกติดสุข ติดสนุก กับเอ็นจอยกับหัวมันมากกว่า จึงไม่รู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นเธอแล้วเราจะรู้สึกได้รับความสุข ความสนุกส่งผ่านหน้าจอ
ข้อมูลจาก http://women.sanook.com/48835/