"ท่านชายอ๊อฟ" พร้อมพวก ศาลอนุมัติข้อหาหนัก ม.112
ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช อนุมัติหมายจับกุม ท่านชายอ๊อฟ พร้อมพวก แอบอ้างเบื้องสูง จนท.คุมตัวส่งดำเนินคดีพร้อมผู้การแล้ว ส่วนพยานอีก 18 คนแจ้งความดำเนินคดีท่านชายพร้อมพวกซ้ำอีก 18 คดี
(23 ก.ย.) ที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ความคืบหน้าในการดำเนินการกับขบวนการแอบอ้างเบื้องสูง หลังจากที่ พลโทธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย สั่งการให้ชุดปฏิบัติการประสานกับ มณฑลทหารบกที่ 41 นำกำลังเข้าเชิญตัว นายไกรสีห์ จันทรปัญญา หรือ "ท่านชายอ๊อฟ" และ นายพิษณุ อ่ำวงษ์ษา หรือ ผู้การ เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา และถูกคุมตัวไว้ตามมาตรา 44 จนถึงวันนี้
ในที่สุดคณะพนักงานสอบ สวนซึ่งประกอบด้วยพนักงานสอบสวนที่ระดับพันตำรวจเอกทั้งหมด และมีพลตำรวจตรีชลิต ถิ่นธานี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้ยื่นสำนวนขอหมายจับจากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในความผิดตามมาตรา 112 โดยศาลได้อนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 รายคือ นายเพชร อุปถัมภ์ ภายในฐานะผู้วางแผนอุปโลกน์พร้อมทั้งสร้างเรื่องแอบอ้างให้ นายไกรสีห์ เป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง
นายไกรสีห์ จันทรปัญญา ในฐานะผู้แสดงตนเป็นบุคคลชั้นสูงในชื่อท่านอ๊อฟ หรือท่านชายอ๊อฟ ตามแผนของนายเพชร และ นายพิษณุ อ่ำวงษ์ษา หรือผู้การในฐานะผู้สนับสนุน ซึ่งสองรายหลังได้ถูกนำตัวส่ง สภ.ลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช แจ้งข้อกล่าวหาและตกเป็นผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวทันที โดยขณะที่ นายพิษณุ กล่าวกับเจ้าหน้าที่เพียงว่า "กรรมคงตามทันผมแล้ว"
ส่วนผู้ที่ถูกควบคุมตัวมาด้วยอีก 18 คนนั้น พบว่าเป็นผู้ที่ถูกหลอกลวงมาให้สมัครเป็นกองกำลังพิทักษ์ความปลอดภัยอย่างเดียว กิจ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสมัคร รวมทั้งต้องให้การดูแล นายไกรสีห์ พร้อมพวกเมื่อเดินทางลงไปในพื้นที่ต่างๆ ในฐานะกองกำลังอารักขา โดยไม่รู้ข้อเท็จจริงด้วยกันหลงเชื่อว่านายไกรสีห์ ครอบครองบุคคลในชั้นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงจริง เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนแล้วกันไว้เป็นพยานคดี
ช่วงเดียวกันพยานทั้ง 18 ราย ได้แจ้งเรื่องร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ถูกออก หมายจับทั้ง 3 รายซ้ำในข้อหาแอบอ้างเบื้องสูง หลอกลวงให้หลงเชื่อ ทำให้ต้องเสียเงินและทรัพย์สินอื่นๆภายในการดูแล นายไกรสีห์ ในการเดินทางลงพื้นที่แต่ละจังหวัด และต้องใช้จ่ายไปคนละนับหมื่นบาท บางรายต้องเสียเงินไปกว่า 500,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความวางต่างกรรมต่างวาระ ดำเนินงานให้นายไกรสีห์พร้อมพวกแตะต้องถูกดำเนินคดีอีกอย่างน้อย 18 คดี
พันตำรวจเอกพิรุณ กลัดทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรลานสกา ระบุว่าเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจได้แสดงความบริสุทธิ์ใจในการส่งตัวและ รับมาดำเนินคดี โดยให้แพทย์โรงพยาบาลลานสกา มาตรวจร่างกายของผู้ต้องหา 2 คนคือ นายไกรสีห์ จันทรปัญญา และ นายพิษณุ อ่ำวงษ์ษา ซึ่งเป็นผู้ต้องหา พร้อมด้วยพยานอีก 18 รายให้ชัดเจนตวาดทุกคนมีสุขภาพที่แข็งสมบูรณ์เจ้าหน้าที่ไม่คว้าทำร้ายร่างกาย หรือบีบคั้นใดๆ
ซึ่งพยานทุกคนต่างยืนยันในเรื่องนี้ต่อหน้าแพทย์ผู้ตรวจ ส่วนการควบคุมตัวนั้นพนักงานสอบสวนจะคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายไว้ตามกฎหมาย คือ 48 ชั่วโมงหลังจากนั้นจะส่งตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง
(23 ก.ย.) ที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ความคืบหน้าในการดำเนินการกับขบวนการแอบอ้างเบื้องสูง หลังจากที่ พลโทธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย สั่งการให้ชุดปฏิบัติการประสานกับ มณฑลทหารบกที่ 41 นำกำลังเข้าเชิญตัว นายไกรสีห์ จันทรปัญญา หรือ "ท่านชายอ๊อฟ" และ นายพิษณุ อ่ำวงษ์ษา หรือ ผู้การ เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา และถูกคุมตัวไว้ตามมาตรา 44 จนถึงวันนี้
ในที่สุดคณะพนักงานสอบ สวนซึ่งประกอบด้วยพนักงานสอบสวนที่ระดับพันตำรวจเอกทั้งหมด และมีพลตำรวจตรีชลิต ถิ่นธานี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้ยื่นสำนวนขอหมายจับจากศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในความผิดตามมาตรา 112 โดยศาลได้อนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 รายคือ นายเพชร อุปถัมภ์ ภายในฐานะผู้วางแผนอุปโลกน์พร้อมทั้งสร้างเรื่องแอบอ้างให้ นายไกรสีห์ เป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง
นายไกรสีห์ จันทรปัญญา ในฐานะผู้แสดงตนเป็นบุคคลชั้นสูงในชื่อท่านอ๊อฟ หรือท่านชายอ๊อฟ ตามแผนของนายเพชร และ นายพิษณุ อ่ำวงษ์ษา หรือผู้การในฐานะผู้สนับสนุน ซึ่งสองรายหลังได้ถูกนำตัวส่ง สภ.ลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช แจ้งข้อกล่าวหาและตกเป็นผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวทันที โดยขณะที่ นายพิษณุ กล่าวกับเจ้าหน้าที่เพียงว่า "กรรมคงตามทันผมแล้ว"
ส่วนผู้ที่ถูกควบคุมตัวมาด้วยอีก 18 คนนั้น พบว่าเป็นผู้ที่ถูกหลอกลวงมาให้สมัครเป็นกองกำลังพิทักษ์ความปลอดภัยอย่างเดียว กิจ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสมัคร รวมทั้งต้องให้การดูแล นายไกรสีห์ พร้อมพวกเมื่อเดินทางลงไปในพื้นที่ต่างๆ ในฐานะกองกำลังอารักขา โดยไม่รู้ข้อเท็จจริงด้วยกันหลงเชื่อว่านายไกรสีห์ ครอบครองบุคคลในชั้นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงจริง เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนแล้วกันไว้เป็นพยานคดี
ช่วงเดียวกันพยานทั้ง 18 ราย ได้แจ้งเรื่องร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ถูกออก หมายจับทั้ง 3 รายซ้ำในข้อหาแอบอ้างเบื้องสูง หลอกลวงให้หลงเชื่อ ทำให้ต้องเสียเงินและทรัพย์สินอื่นๆภายในการดูแล นายไกรสีห์ ในการเดินทางลงพื้นที่แต่ละจังหวัด และต้องใช้จ่ายไปคนละนับหมื่นบาท บางรายต้องเสียเงินไปกว่า 500,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความวางต่างกรรมต่างวาระ ดำเนินงานให้นายไกรสีห์พร้อมพวกแตะต้องถูกดำเนินคดีอีกอย่างน้อย 18 คดี
พันตำรวจเอกพิรุณ กลัดทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรลานสกา ระบุว่าเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจได้แสดงความบริสุทธิ์ใจในการส่งตัวและ รับมาดำเนินคดี โดยให้แพทย์โรงพยาบาลลานสกา มาตรวจร่างกายของผู้ต้องหา 2 คนคือ นายไกรสีห์ จันทรปัญญา และ นายพิษณุ อ่ำวงษ์ษา ซึ่งเป็นผู้ต้องหา พร้อมด้วยพยานอีก 18 รายให้ชัดเจนตวาดทุกคนมีสุขภาพที่แข็งสมบูรณ์เจ้าหน้าที่ไม่คว้าทำร้ายร่างกาย หรือบีบคั้นใดๆ
ซึ่งพยานทุกคนต่างยืนยันในเรื่องนี้ต่อหน้าแพทย์ผู้ตรวจ ส่วนการควบคุมตัวนั้นพนักงานสอบสวนจะคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายไว้ตามกฎหมาย คือ 48 ชั่วโมงหลังจากนั้นจะส่งตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง
ติดตามข่าวทั้งหมดได้ที่ http://news.sanook.com/tag/หมิ่นเบื้องสูง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น